ประชาไท - วานนี้ (1 พ.ย.2549) คณะอนุกรรมการด้านส่งเสริมโอกาสและความเสมอภาค ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติร่วมกับ สมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย องค์กรไพร์ด และกองทุนสนับสนุนและปกป้องสิทธิมนุษยชนของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ จัดสัมมนา หัวข้อ เมื่อสด.43 พิพากษาให้เป็นโรคจิต
น.ส.นัยนา สุภาพึ่ง กรรมการสิทธิฯ และประธานคณะอนุกรรมการด้านส่งเสริมโอกาสและความเสมอภาค กล่าวว่า จากพ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497 มาตรา 7 ของกระทรวงกลาโหม กำหนดให้ชายไทยอายุ 21 ปี เข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกิน หากเป็นผู้ชายที่แปลงเพศ ทำหน้าอกมา จะจัดเป็นบุคคลที่ร่างกายพิการหรือทุพพลภาพ และบันทึกในเอกสารรับรองผลการคัดเลือกหรือสด.43 ว่าเป็นโรคจิตถาวร โรคจิตมีจิตเป็นหญิง ตามกฎกระทรวงกลาโหมฉบับที่ 74 พ.ศ.2540 คนกลุ่มนี้จึงเป็นเหมือนบุคคลไร้ความสามารถ ไม่สามารถสมัครงานหรือเดินทางไปต่างประเทศได้ ทำสัญญาก็ถูกบอกเลิก
กรรมการสิทธิฯ และเครือข่ายได้ประสานกับกองทัพบกหลายครั้ง ล่าสุดได้ให้มีการแก้ไขใบสด.43 ของผู้ชายแปลงเพศ ใช้คำว่า มีร่างกายไม่สมบูรณ์ มีหน้าอกผิดขนาด ปัญหา คือ ผู้ที่มีใบสด.43ระบุเป็นโรคจิตไปแล้วจำนวนมาก กรรมการสิทธิฯ ได้ร่วมกับสภาทนายความ ในการช่วยเหลือดำเนินการทางกฎหมาย เพราะถือว่าเจ้าหน้าที่รัฐ กองทัพบกแม้จะปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย แต่ส่งผลกระทบให้เกิดความไม่เป็นธรรม บกพร่อง ก็ต้องดำเนินการเพื่อเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของประเทศ
น.ส.ฉันทลักษณ์ รักษาอยู่ กรรมการกองทุนสนับสนุนและปกป้องสิทธิมนุษยชนของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ กล่าวว่า เอกสารสด.43 มีการระบุถึงกระเทยหรือผู้ชายแปลงเพศว่าเป็นโรคจิต โรคจิตถาวร มานานถึง 50 ปี ทราบจากทหารว่าบางรายถูกระบุถึงขนาดเป็นโรคจิตทราม เป็นการละเมิดสิทธิกลุ่มคนรักเพศเดียวกันอย่างมาก ซึ่งเมื่อเดือนเม.ย.49 การเกณฑ์ทหารได้ปรับแก้ให้เป็นคนบุคลิกไม่ตรงเพศกำเนิด แต่กระทรวงกลาโหมระบุว่าไม่สามารถแก้ไข สด.43ย้อนหลังได้ ดังนั้นในวันที่ 10 พ.ย.กลุ่มผู้เสียหายจึงจะรวมตัวในการยื่นฟ้องกระทรวงกลาโหมต่อศาลปกครอง เพื่อร้องขอให้มีการแก้ไขเอกสารสด.43
น้องน้ำหวาน หรือนายสามารถ มีเจริญ ซึ่งผ่านการแปลงเพศแล้ว หนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบจากเอกสาร สด.43 กล่าวว่า ตนถูกลิดรอนสิทธิจากการสมัครงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่รับตนเข้าทำงานโดยอ้างถึงสด.43 ที่ระบุว่าตนเป็นโรคจิต หากรับไปจะถูกผู้บริหารตำหนิ สด.43ทำให้ตนรู้สึกอับอาย ถูกตีตราว่าป่วยโรคจิต และไม่สามารถประกอบอาชีพเหมือนคนปกติ ดังนั้นจึงจำเป็นที่ตนจะต้องฟ้องร้องกระทรวงกลาโหม เท่าที่ทราบมีคนประสบปัญหาอย่างตนจำนวนหลายร้อยคน อยากให้ออกมาเรียกร้องสิทธิกลับคืนมา
ที่มา: http://www.komchadluek.com
