ประชาไท - 13 ต.ค.2549 หลังจากที่รายชื่ออย่างเป็นทางการของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติออกมา 242 คน  พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ยืนยันว่า การคัดเลือกประธานและรองประธานนั้นจะให้สมาชิกสภานิติบัญญัติฯ ทุกคนพิจารณากันเอง  ส่วนการสรรหาสมาชิกสภานิติบัญญัติฯ คมช.ใช้ระบบคณะกรรมการพิจารณาโดยมีทีมที่ปรึกษาทุกกลุ่มภาคประชาชน และนำมาพิจารณาซึ่งก็จะดูพื้นฐานความรู้ ความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ทั้งนี้ รายชื่อสมาชิกสภานิติบัญญัติ ฯ ได้ลงพระปรมาภิไธยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนจะมีการประกาศวันไหนต้องรอปรึกษากับ พล.อ. วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม และเลขาธิการ คมช.

ด้านพล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีนายทหารได้รับการโปรดเกล้าฯเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติว่าการมีสัดส่วนของทหารมากเป็นพิเศษถือเป็นเรื่องธรรมดาในสถาการณ์แบบนี้ โดยพวกเขาไม่ได้เข้ามาในฐานะทหาร แต่เข้ามาในฐานะนักวิชาการทหาร มีความรู้ในทุกด้าน ไม่น่าจะทำให้สภานิติบัญญัติเบี่ยงเบนไปทางใดทางหนึ่ง ส่วนเตรียมทหารรุ่น 6 รุ่นเดียวกับพล.อ.สนธิที่ได้รับเลือกและเกรงจะเป็นที่ครหาก็พบว่ามีเพียงไม่กี่คน เนื่องจากหลายคนกำลังเกษียณอายุราชการถือเป็นผู้ที่มีอาวุโส

"ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเข้ามาเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัตินั้น ผมคิดว่า คนดี ที่มีฝีมือ การที่จะเขาไปอยู่กลุ่มไหนนั้น เขาอาจจะมีเหตุผลของเขา เราไม่ทราบ แต่ถ้าเขาเป็นคนดี และหวังดีต่อประเทศชาติและมีความสามารถ เราน่าจะมองที่ตรงจุดนี้มากกว่า มิฉะนั้นจะเป็นการสูญเสียทรัพยากรบุคคล"พล.อ.บุญสร้างกล่าว

ขณะเดียวกันก็มีกระแสสนับสนุนผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่งประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติแตกต่างกันไป นายสุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ปฏิเสธการรับตำแหน่งประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว แม้ว่าจะมีกระแสสนับสนุน โดยให้เหตุผลว่า ผู้ที่เหมาะสมจะดำรงตำแหน่งดังกล่าว ควรจะเป็นผู้ที่ทำงานได้เต็มเวลา ไม่มีตำแหน่งบริหารอื่นๆ และสมาชิกต้องเข้าใจด้วยว่า หน้าที่หลักของสภานิติบัญญัติฯ ชุดนี้ไม่ใช่ตรวจสอบรัฐบาล แต่ต้องผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์

ส่วนนายประพันธ์ คูณมี หนึ่งในสมาชิกสภานิติบัญญัติฯ ระบุว่า ผู้ที่มีความเหมาะสมว่าจะได้เป็นประธานจะต้องมีความเข้าใจในทิศทางประชาธิปไตยและต้องมีสภาวะความเป็นผู้นำ พร้อมระบุผู้ที่มีความเหมาะสม เช่น นายชัยอนันต์  สมุทวณิช น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ โดยเฉพาะ นต.ประสงค์ เป็นผู้อาวุโสมีการบริหารบ้านเมืองมาหลายสมัย เคยเป็น ส.ว.รัฐมนตรีและ ส.ส.ไม่มีประวัติด่างพร้อยเข้าใจปัญหาบ้านเมือง  มีบารมี เป็นที่ยอมรับ

ขณะที่บวรศักดิ์ อุวรรณโน อดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรี หนึ่งในสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวว่า จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด สภานิติบัญญัติฯ มีภารกิจเฉพาะการทำกฎหมายของประเทศ ควรใช้โอกาสนี้ปฏิรูปกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมกับสังคม โดยเฉพาะกับคนส่วนใหญ่ ต้องผลักดันให้มีการออกกฎหมายป้องกันการทุจริต สร้างความโปร่งใสในระบบราชการ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีช่องทางที่จะเสนอกฎหมายของตัวเองได้ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวได้กำหนดให้ลงชื่อ 25 คน ก็สามารถเสนอกฎหมายได้

นายบวรศักดิ์กล่าวอีกว่า สำหรับคนที่กังวลว่าตนเองจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรนั้น ขอบอกว่า รัฐธรรมนูญชั่วคราว ห้ามสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเข้าไปเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญอย่างเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม ตนเองจะทำหน้าที่เขียนบทความเสนอความเห็นในฐานะนักวิชาการ

ด้านน.พ.แวมะฮาดี แวดาโอะ อดีตส.ว.นราธิวาส สมาชิกสภานิติบัญญัติฯ อีกคนหนึ่งกล่าวว่า ยังไม่มั่นใจว่าระยะเวลาเพียงหนึ่งปีจะสามารถทำงานได้เต็มที่ ตรงจุด โดยเฉพาะการแก้ปัญหาภาคใต้ แต่เมื่อได้รับคำยืนยันถึงแนวทางการทำงานรวมถึงสมาชิกสภานิติบัญญัติฯ ทำให้มั่นใจว่าการปฏิรูปการเมืองครั้งนี้มีความแน่วแน่จะช่วยเหลือประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จึงตอบตกลงการทาบทาม และหวังว่าการมีอดีตคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) อยู่ในสภานิติบัญญัติชุดนี้จะทำให้มีการนำรายงานสรุปของกอส.มาใช้เป็นแนวทางแก้ไขปัญหาภาคใต้

ส่วนนายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี ซึ่งได้รับเลือกเป็นสมาชิกสมานิติบัญญัติฯ เช่นกัน ระบุว่า ต้องการเห็นร่างกฎหมายที่สอดคล้องกับวิถีชีวิต วัฒนธรรม หลักศาสนาอิสลาม โดยขณะนี้ได้ศึกษาหาทางปรับปรุงกฎหมาย พ.ร.บ.ยุติธรรมเพื่อแก้ปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้ เพราะเป็นเงื่อนไขหนึ่งให้เกิดการก่อความไม่สงบ