คุมตัว 'วรรณา' ผู้ต้องหาเอี่ยวบึ้มราชประสงค์ปี 58 'ศรีวราห์' สอบเอง หลังส่งตัวจากตุรกี

ตร.คุมตัว 'วรรณา สวนสัน' ผู้ต้องหาเอี่ยวระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ ปี 58 หลังได้รับการส่งตัวจากตุรกี พล.ต.อ.ศรีวราห์ คุมสอบเอง ขณะที่เดือนที่แล้วญาติปรึกษายุติธรรมจังหวัดพังงา เรื่องกระบวนการการต่อสู้คดี 

22 พ.ย.2560 สื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่า วันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม วรรณา สวนสัน หรือ ไมซาเราะห์ 1 ในผู้ต้องหาเกี่ยวข้องเหตุการณ์ระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ เมื่อกลางเดือนสิงหาคม 2558 ฐานร่วมกันมียุทธภัณฑ์และครอบครองวัตถุระเบิด โดยเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะนี้อยู่ระหว่างนำตัวมาสอบปากคำ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชั้น 7 โดยมี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) ด้านความมั่นคง สอบปากคำด้วยตนเอง

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น รายงานว่า อิบรอเหม คมขำ ผู้ใหญ่บ้าน ม.6 บ้านห้วยทรัพย์ ต.คุระ อ.คุระบุรี จ.พังงา พร้อมด้วยญาติ ๆ ของ วรรณา เดินทางเข้าพบ ศักย์ ดิษฐาน ยุติธรรมจังหวัดพังงา เพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม หลังจาก วรรณา ได้ติดต่อกับทางญาติว่าจะได้รับการส่งตัวจากประเทศตุรกีกลับมาประเทศไทย เพื่อมาต่อสู้คดี จึงอยากรู้ขั้นตอนเพื่อหาหนทางช่วยเหลือทางคดีของ วรรณา ต่อสำนักงานยุติธรรมจังหวัดพังงา เบื้องต้น นายสำนักงานยุติธรรมจังหวัดพังงา ได้ให้คำปรึกษากับทางญาติว่า สามารถยื่นขอความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรม หรือยื่นขอทนายอาสาเพื่อมาต่อสู้คดี 

เอมอร สวนสัน พี่สะใภ้ กล่าวว่า สาเหตุที่ตนเดินทางมายุติธรรมจังหวัดก็เพื่อมาปรึกษาเกี่ยวกับขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม หลังนางวรรณา ติดต่อกลับมาว่าทางประเทศตุรกี ได้ประสานเพื่อส่งตัวกลับมาประเทศไทยแล้ว เพื่อหาทางต่อสู้คดีในไทยต่อไป และเป็นที่น่าพอใจมากที่ทางยุติธรรมจังหวัดให้คำปรึกษา ทางครอบครัวรู้สึกสบายใจขึ้นมากอย่างน้อยก็ยังมีที่พึ่ง

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2558 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ศรีวราห์ เปิดเผยนั้นว่า มีรายงานว่า สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีนี้ได้เพิ่มเติม มีทั้งคนไทยและต่างชาติ แต่ขณะนี้ยังอยู่ในความควบคุมในต่างประเทศ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการประสานงานของอัยการ และกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีในประเทศไทย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะเป็นคดีความมั่นคงและเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ คดีระเบิดแยกราชประสงค์ หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมสองผู้ต้องสงสัยว่าก่อเหตุระเบิดคือ อาเดม คาราดัก (บิลาล มูฮัมหมัด) และยูซูฟู เมียไรลี ผู้ต้องสงสัยทั้งสองคนเป็นชาวอุยกูร์ หลังจากที่ทั้ง 2 คน ถูกจับกุมคุมขังที่เรือนจำพิเศษภายในค่าย มทบ.11 ตามอำนาจของคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 ฝั่งเจ้าหน้าที่ไทยเปิดเผยว่า ทั้งสองคนให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน โดยที่อาเดมถูกดำเนินคดีภายใต้ข้อกล่าวหาว่า กระทำความผิดเกี่ยวกับกรณีระเบิดและเดินทางเข้าเมืองผิดกฎหมายรวม 10 ข้อหา ส่วนยูซูฟูเดินทางเข้ามาในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายและประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อขายโทรศัพท์ เขาถูกกล่าวหาว่า กระทำความผิดเกี่ยวกับระเบิดร่วมกับอาเดมรวม 9 ข้อหา

ซึ่งในวาระครบรอบเหตุการณ์ 2 ปี  ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ โดย ไอลอว์ ได้เผยแพร่รายงานความคืบหน้าและการตั้งข้อสังเกตต่อคดีนี้ เช่นประเด็นการสืบพยานที่ต้องรอล่ามแปลสามภาษาและความล่าช้าของการพิจารณาคดี ซึ่งล่าสุดศาลทหารกรุงเทพได้เริ่มสืบพยานโจทก์ปากที่ 2 แล้ว แต่ยังไม่เสร็จสิ้น โดยจะกลับมาสืบพยานปากดังกล่าวต่อในวันที่ 22 ส.ค.นี้ เวลา 8.30 น. ขณะที่ฝ่ายอัยการทหาร ผู้เป็นโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยาน แสดงความจำนงต้องการสืบพยานทั้งสิ้นถึง 447 ปาก ทนายจำเลยคาดการณ์ว่า คดีนี้อาจจะไปเสร็จสิ้นในปี 2565 หรือใช้เวลาประมาณ 7 ปี 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท