Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ในอดีตพื้นที่ด้านตะวันออกของทวีปเอเชียประกอบด้วยหลายแคว้น ก่อนที่เจ้าครองแคว้นฉินจะรวบรวมแคว้นเหล่านี้เป็นหนึ่ง และสถาปนาตนเองเป็น "ฉินฉื่อหวังตี้ (秦始皇帝)" เพื่อปกครองจีนในปี พ.ศ. 323

อย่างไรก็ตามดินแดนทางตอนเหนือของจีนยังคงมีชนเผ่าเร่ร่อนหลายชนเผ่าอาศัย เช่น รู่เจิน และมั่วเหอ

ดินแดนตอนเหนือของจีนเป็นพื้นที่แห้งแล้ง-ทะเลทราย ชนเผ่าเหล่านี้จึงดำรงชีพด้วยการล่าสัตว์ ต่างจากชาวจีนที่อาศัยอยู่ในตอนใต้ที่ดำรงชีพด้วยการเกษตร

ด้วยเหตุนี้ชนเผ่าเหล่านี้จึงเชี่ยวชาญการรบมากกว่าชาวจีน แต่ความเจริญด้านวัฒนธรรมของพวกเขาด้อยกว่าจีนมาก

ผู้ชายของชนเผ่าเหล่านี้มีหน้าที่ล่าสัตว์เพื่อเลี้ยงดูครอบครัว ผมเขาจึงนิยมโกนศีรษะด้านหน้าออก เนื่องจากเส้นผมเป็นอุปสรรคในการล่าสัตว์

นอกจากนี้ชนเผ่าเหล่านี้มักทำสงครามระหว่างกัน ทรงผมของชนเผ่าเหล่านี้จึงแตกต่างกันเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของพรรคพวก

ต่อมาชนเผ่าแมนจูซึ่งสืบเชื้อสายมาจากชนเผ่ารู่เจินครองดินแดนด้านตะวันออกเฉียงเหนือของจีน และสถาปนาแคว้นแมนจูในคริสต์ศตวรรษที่ 16

ต่อมาแคว้นแมนจูทยอยรุกรานจีนจนสามารถยึดครองจีนทั้งหมด และสถาปนาราชวงศ์ชิงในปี พ.ศ. 2187

เนื่องจากชาวจีนมีวัฒนธรรมที่เหนือกว่าชาวแมนจูมาก สมเด็จพระจักรพรรดิซุ่นจื้อ (顺治) จึงต้องการกลืนวัฒนธรรมจีน พระองค์ออกมาตรการหลายอย่างเพื่อเปลี่ยนชาวจีนให้เป็นชาวแมนจู และ 1 ในนั้นคือ การไว้ผมทรงแมนจู

สมเด็จพระจักรพรรดิซุ่นจื้อออกคำสั่งให้ชายจีนทุกคนต้องโกนศีรษะ และถักเปียแบบชาวแมนจู แต่ชาวจีนต่อต้านอย่างรุนแรงจนต้องระงับชั่วคราว

ในปี พ.ศ. 2188 สมเด็จพระจักรพรรดิซุ่นจื้อเดินหน้านโยบายนี้อีกครั้ง โดยกำหนดโทษผู้ใดขัดขืนจะมีโทษประหารชีวิต

ในช่วงแรกชาวจีนจำนวนมากต่อต้านนโยบายนี้ สมเด็จพระจักรพรรดิซุ่นจื้อจึงสั่งให้ปราบปรามผู้ต่อต้านอย่างรุนแรง

บางเมืองที่ต่อต้านนโยบายนี้ถูกทหารแมนจูสังหารกว่า 200,000 คนภายในเวลาเพียง 3 วัน ชาวจีนยุคนั้นจึงขนานนามนโยบายนี้ว่า "ไว้ผมไม่ไว้หัว ไว้หัวไม่ไว้ผม (留头不留发,留发不留头)"

ในช่วงต้นของราชวงศ์ชิงชายจีนต้องโกนผมเกือบทั้งศีรษะ โดยเหลือเพียงด้านท้ายเท่าเหรีษญกษาปณ์ทองแดง เมื่อเวลาผ่านไปจึงมีการผ่อนปรนให้เหลือผมด้านหลังมากขึ้นจนเกือบครึ่งศีรษะ

อย่างไรก็ตามตลอดสมัยของราชวงศ์ชิง ชาวจีนที่ต่อต้านราชวงศ์นี้ก่อกบฎหลายครั้ง พวกเขานิยมไว้ทรงผมแบบเดิมจึงถูกสังหารจำนวนมาก การไว้ผมทรงนี้จึงเป็นสัญลักษณ์ของการภักดีต่อราชวงศ์ชิง

หลังการล่มสลายของราชวงศ์ชิง ฝ่ายปฏิวัติยึดครองจีนสำเร็จในปี พ.ศ. 2454 ฝ่ายปฏิวัติออกคำสั่งให้ชาวจีนเลิกการไว้ผมทรงแมนจู แต่ความเคยชินของชาวจีนเกือบ 300 ปีทำให้ถูกต่อต้านจากชาวจีนจำนวนมากในช่วงแรก

ประมาณกันว่าตลอดสมัยของราชวงศ์ชิง ชาวจีนกว่า 1 ล้านคนถูกสังหารจากการไม่ยอมไว้ผมทรงแมนจู แต่ไม่ชัดเจนว่า หลังการล่มสลายของราชวงศ์ชิงมีชาวจีนจำนวนเท่าไรที่เสียชีวิตจากการขัดขืนไม่ยอมเลิกการไว้ผมทรงนี้

หันมาดูคำสั่งของ คสช. ที่สั่งให้ทหาร-ตำรวจไว้ผมเกรียนทำให้ผมนึกถึงประวัติศาสตร์นี้ หรือเราจะกลายไปอยู่ในยุคแมนจู

 

เผยแพร่ครั้งแรกใน: เฟสบุ๊ค เอกชัย หงส์กังวาน

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net