สมาคมนักข่าวฯ ออกแถลงการณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวตามสังคมสื่อออนไลน์พาดพิงถึงผู้บริหารองค์กรสื่อมีพฤติกรรมเข้าข่ายคุกคามทางเพศ ระบุตั้งคณะอนุกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงแล้ว 90 วันรู้ผล
20 ก.ย. 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวตามสังคมสื่อออนไลน์พาดพิงถึงผู้บริหารองค์กรสื่อมีพฤติกรรมเข้าข่ายคุกคามทางเพศ รวมทั้งความเคลื่อนไหวเข้าชื่อเรียกร้องให้องค์กรสื่อมีกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง จากกลุ่มนักข่าวภาคสนามที่ปรากฏเป็นจดหมายเปิดผนึกเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์
มีมติเอกฉันท์เห็นชอบให้ตั้งคณะอนุกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงกรณีกระแสข่าวพาดพิงถึงผู้บริหารองค์กรสื่อ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงให้เกิดความกระจ่างในความเป็นมาเป็นไปของกระแสข่าว รวมทั้งเกิดความชัดเจนในข้อเท็จจริงของประเด็นที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล องค์กร ตลอดจนแวดวงสื่อสารมวลชนโดยรวม
ซึ่ง คณะอนุกรรมการ ประกอบด้วย รศ.ดร.จุรี วิจิตรวาทการ เลขาธิการมูลนิธิองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทย รศ. ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการทางกฎหมาย ผศ.ดร.เอื้อจิต วิโรจน์ไตรรัตน์ อดีตผู้อำนวยการโครงการศึกษาและเฝ้าระวังสื่อเพื่อสุขภาวะของสังคม สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง คณะอนุกรรมการด้านสิทธิและความเสมอภาคทางเพศในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นคร ศรีสุโข นักจิตวิทยาคลินิกชำนาญการพิเศษ สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา ทัศนัย ไชยแขวง อุปนายกฝ่ายประชาสัมพันธ์ และอุปนายกฝ่ายต่างประเทศ สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยอนุกรรมการชุดนี้จะทำงานในทางลับ เพื่อป้องกันผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ และรายงานต่อสมาคมนักข่าวฯ โดยตรง
สำหรับกรอบการทำงานเบื้องต้น แถลงการณ์ของสมาคมนักข่าวฯ ระบุว่า มีกรอบระยะเวลาการทำงานภายใน 90 วัน โดยมีการเปิดรับข้อมูล หลักฐานจากบุคคลภายนอกเป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 30 วัน และแสวงหาข้อเท็จจริงภายใต้ขอบเขตความรับผิดชอบและอำนาจหน้าที่ของสมาคมนักข่าวฯ รวมทั้งอาจเสนอรายงานข้อเสนอแนะต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อสมาคมนักข่าวฯ โดยต้องรักษาความลับของบุคคลที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะผู้ที่อาจได้รับผลกระทบและความเสียหายอย่างไม่เป็นธรรม และจะไม่มีการแถลง ให้ข่าว หรือให้สัมภาษณ์ จนกว่าการแสวงหาข้อเท็จจริงจะยุติ โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาคมนักข่าวฯ เป็นกรณี ๆ ไป
แถลงการณ์ของสมาคมนักข่าวฯ ยังขอความร่วมมือให้ผู้ที่มีข้อมูลที่เป็นจริง ในเหตุการณ์ที่สงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับกระแสข่าวดังกล่าว ไม่ว่าพยานบุคคลหรือหลักฐานในรูปแบบใด ๆ ส่งข้อมูลประกอบการแสวงหาข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการฯ ภายในเวลา 30 วันนับแต่คณะอนุกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริง ฯ เริ่มประชุมครั้งแรก พร้อมทั้งขอให้ทุกฝ่ายรอผล จากคณะอนุกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริง และติดตามข้อแถลงของสมาคมนักข่าวฯ ในโอกาสต่อไป
สมาคมนักข่าวฯ ย้ำด้วยว่า ตลอดระยะเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา สมาคมนักข่าว ฯ ได้พยายามทาบทามผู้ทรงคุณวุฒิ และเป็นที่น่าเชื่อถือตามกรอบที่ได้หารือกันไว้ ท่ามกลางกระแสข่าวที่ยังคงเผยแพร่ต่อเนื่องอย่างสับสนเป็นระยะ ๆ ซึ่งทำให้การทาบทามเป็นไปด้วยความยากลำบาก จนในที่สุดผู้ได้รับการทาบทามได้ตอบรับมาในจำนวนที่เพียงพอที่จะเริ่มต้นทำงานเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงจากกระแสข่าวต่าง ๆ ได้แล้ว