Skip to main content
sharethis
สวนดุสิตโพลล์เผยผลสำรวจ ประชาชนส่วนใหญ่สนใจข่าววัดพระธรรมกายมากที่สุด โดยอยากให้ถอนกำลังเจ้าหน้าที่ออกจากวัด 75.64% ด้านรัฐบาลเสียใจชายสูงวัยผูกคอตายร้องยกเลิก ม.44 คุมวัดธรรมกาย
 
26 ก.พ. 2560 สวนดุสิตโพลล์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “5 ข่าว” ที่ประชาชนให้ความสนใจ ณ วันนี้ โดยในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย จนกลายเป็นประเด็นร้อนที่สังคมให้ความสนใจ และเป็นข่าวเด่นขึ้นมา เพื่อเป็นการสะท้อนความคิดเห็นและเป็นข้อมูลอันเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งจากผลสำรวจจำนวนทั้งสิ้น 1,248 คน ระหว่างวันที่ 20-25 ก.พ.2560 สรุปผลได้ ดังนี้
 
- อันดับ 1 ข่าววัดพระธรรมกาย 87.50%
 
เมื่อถามว่าความคาดหวังว่าจะจบลงอย่างไร?
อันดับ 1 จนท.ถอนกำลังออกจากพื้นที่วัด ปัญหาคลี่คลาย 75.64%
อันดับ 2 มีการดำเนินคดีตามกฎหมาย ว่าไปตามข้อเท็จจริง 71.79%
อันดับ 3 ยืดเยื้อ ต้องใช้เวลาสักระยะ 64.74%
 
เมื่อถามว่าสิ่งที่อยากฝากบอกผู้ที่เกี่ยวข้อง
อันดับ 1ขอให้ทุกฝ่ายมีสติ ใจเย็น ไม่วู่วาม ไม่ใช้ความรุนแรง 81.41%
อันดับ 2มีวิจารณญาณในการรับฟังข้อมูลข่าวสาร 80.13%
อันดับ 3ขอให้ทุกคนช่วยกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา 66.03%
 
- อันดับ 2 ข่าวโรงไฟฟ้าถ่านหิน 72.44%
 
เมื่อถามว่าความคาดหวังว่าจะจบลงอย่างไร?
อันดับ 1 ทั้ง 2 ฝ่าย เจรจาหาทางออกร่วมกัน 76.92%
อันดับ 2 รัฐบาลชะลอโครงการ ศึกษาทบทวนอีกครั้ง 66.99%
อันดับ 3 มีทางเลือกใหม่ หาพลังงานอื่นทดแทน 63.14%
 
เมื่อถามว่าสิ่งที่อยากฝากบอกผู้ที่เกี่ยวข้อง
อันดับ 1 ขอให้ทุกฝ่ายใจเย็น ประนีประนอม รับฟังซึ่งกันและกัน 73.72%
อันดับ 2 เน้นเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพประชาชน 60.90%
อันดับ 3 ทุกคนควรใช้พลังงานอย่างประหยัด เห็นคุณค่า 55.77%
 
- อันดับ 3 ข่าวการสร้างความปรองดอง 68.27%
 
เมื่อถามว่าความคาดหวังว่าจะจบลงอย่างไร?
อันดับ 1 มีคนกลางหรือผู้ที่มีอำนาจบารมีมาไกล่เกลี่ย 62.18%
อันดับ 2 การสร้างความปรองดองสำเร็จ บ้านเมืองก้าวหน้า 57.05%
อันดับ 3 คงจะยืดเยื้อ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย 56.41%
 
เมื่อถามว่าสิ่งที่อยากฝากบอกผู้ที่เกี่ยวข้อง
อันดับ 1 ถอยคนละก้าว ลดทิฐิ ไม่ใช้อารมณ์มาอยู่เหนือเหตุผล 61.86%
อันดับ 2 ดำเนินการอย่างยุติธรรม เป็นไปตามหลักประชาธิปไตย 59.94%
อันดับ 3 ประชาสัมพันธ์ รณรงค์ถึงผลดีของความปรองดอง 54.17%
 
- อันดับ 4 ข่าวกฎหมายควบคุมสื่อ 65.38%
 
เมื่อถามว่าความคาดหวังว่าจะจบลงอย่างไร?
อันดับ 1 มีการเจรจา หาข้อตกลงที่เหมาะสมร่วมกัน 63.78%
อันดับ 2 ไม่มีข้อขัดแย้งหรือกระทบกระทั่งต่อกัน 58.97%
อันดับ 3 ไม่แน่ใจ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทุกฝ่าย48.08%
 
เมื่อถามว่าสิ่งที่อยากฝากบอกผู้ที่เกี่ยวข้อง
อันดับ 1 ขอให้สื่อรักษาจรรยาบรรณ เป็นกลาง น่าเชื่อถือ 66.10%
อันดับ 2 รัฐบาลต้องเปิดกว้าง รับฟังเพื่อสะท้อนมุมมองการทำงาน 57.37%
อันดับ 3 ไม่ควรปิดกั้นการทำงานของสื่อ 43.91%
 
- อันดับ 5 ข่าว 7 สนช.ขาดประชุม 58.33%
 
เมื่อถามว่าความคาดหวังว่าจะจบลงอย่างไร?
อันดับ 1 ผู้ที่ถูกพาดพิงออกมาชี้แจง แสดงความรับผิดชอบ 61.54%
อันดับ 2 มีการตักเตือน พิจารณาตามเหตุและผลที่เป็นจริง 54.49%
อันดับ 3 อาจจะตกลงกันหรือมีระเบียบข้อบังคับที่ชัดเจนขึ้น 51.28%
 
เมื่อถามว่าสิ่งที่อยากฝากบอกผู้ที่เกี่ยวข้อง
อันดับ 1 ขอให้ทุกคนปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด 60.58%
อันดับ 2 ตั้งใจทำงาน ซื่อสัตย์ ยึดหลักธรรมาภิบาล 56.73%
อันดับ 3 ทำตนเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับหน่วยงานอื่นๆ 47.12%
 
รัฐบาลเสียใจชายสูงวัยผูกคอตายร้องยกเลิก ม.44 คุมวัดธรรมกาย
 
สำนักข่าวไทย รายงานว่าพล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่ชายสูงอายุผูกคอตาย หลังเรียกร้องให้ยกเลิกคำสั่งตามมาตรา 44 ควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกายไม่สำเร็จ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ขอแสดงความเสียใจต่อผู้สูญเสีย โดยกล่าวว่า ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์เศร้าสลดเช่นนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ใช้ความพยายามอย่างที่สุดในการเจรจาและเตรียมการช่วยเหลือ แต่ไม่อาจป้องกันได้ เพราะเกิดเหตุสุดวิสัย
 
“อยากให้สติแก่สังคม โดยเฉพาะผู้ที่สนับสนุนวัดพระธรรมกาย ทั้งพระสงฆ์และศิษยานุศิษย์ ว่าไม่ควรปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น และไม่ควรใช้ศรัทธาความเชื่อมั่นของผู้บริสุทธิ์เป็นเครื่องมือปกป้องผู้กระทำผิดเพียงไม่กี่คน แต่ท้ายที่สุดกลับออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่ลูกศิษย์ของตน รวมทั้งขอเรียกร้องว่า ไม่ควรกล่าวโทษคำสั่งตามมาตรา 44 ว่าเป็นสาเหตุ เพราะที่ผ่านมาผู้กระทำผิดไม่ยอมรับกฎหมาย แต่กลับแสวงหาประโยชน์จากผู้อื่น และใช้กฎหมู่หลบหนีความผิด ส่วนเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจำเป็นต้องทำตามกฎหมาย หากไม่ทำก็จะเข้าข่ายละเลยการปฏิบัติหน้าที่”
 
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวต่อถึงกรณีที่หัวหน้า คสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งที่ 12/2560 โดยให้นายพนม ศรศิลป์ พ้นจากตําแหน่ง ผอ.สํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และให้ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผบ.สำนักคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ มาดำรงตำแหน่งแทน ว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นไปเพื่อประสิทธิภาพในการบริหารงานของสํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่ต้องดำเนินการสนองงานคณะสงฆ์และรัฐ ทำนุบำรุงส่งเสริมและพัฒนากิจการพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนเพื่อปกป้องคุ้มครองไม่ให้พระศาสนาเกิดความมัวหมอง และประสานประโยชน์กับทุกฝ่ายนำไปสู่การปฏิรูปอย่างยั่งยืน
 
ส่วนข้อวิจารณ์เรื่องคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งใหม่ว่าไม่เคยมีประสบการณ์ด้านงานศาสนามาก่อนนั้น โดยปกติผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดของหน่วยงานจะสรรหาจากผู้ที่มีวิสัยทัศน์ด้านการบริหารและเคยเป็นผู้นำหน่วย ส่วนรายละเอียดในการปฏิบัติงานนั้น ยังมีรองผู้อำนวยการ หัวหน้าหน่วยระดับกลาง และหน่วยงานในระดับจังหวัดที่ร่วมกันขับเคลื่อนให้งานบรรลุผลสำเร็จ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net