Skip to main content
sharethis

ประวิตรมั่นใจสร้างปรองดองครั้งนี้สำเร็จ พรรคคนธรรมดาฯ ชี้ไม่ใช่เรื่องของนักการเมืองหรือแกนนำ แนะยกเลิกคำสั่ง คสช.ห้ามชุมนุม-เปิดเวทีในระดับจังหวัด 'ความหวังใหม่' ย้ำนำประชาธิปไตยมาเป็นตัวสร้าง โฆษกกลาโหม ยันวงคุยเปิดกว้างทุกฝ่าย ไม่มีมุบมิบ ไม่มีอคติ

14 ก.พ. 2560 รายงานข่าวระบุว่า วันนี้ เมื่อเวลา 13.30 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงการทำงานคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป) ว่า อย่าไปกังวลกันมาก ผลงานทั้งหมดต้องออกมาสู่รัฐบาล คณะรัฐมนตรี และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพราะ ป.ย.ป. ก็คือ คณะรัฐมนตรีเพียงแต่มีการรับฟังความคิดเห็นจากข้างนอกมาด้วย ซึ่งมีประเด็นจากหลายกลุ่มหลายฝ่ายที่จะต้องมาเพิ่มเติมในคณะกรรมการทั้ง 4 คณะ จึงมีข้อสรุปมาก ทั้งนี้ คงต้องลงในรายละเอียด สิ่งที่พูดมาทั้งหมดจะทำอย่างไร ในส่วนของรัฐบาลได้ทำอยู่แล้วหลายประเด็น ซึ่งก็มีหลายปัญหาที่ซ้ำซ้อน ทั้งความขัดแย้ง กฎหมายที่ไม่ทันสมัย ต้องแก้ทั้งหมด เช่น ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย แค่เรื่องเดียวก็ต้องออกกฎหมาย 90 ฉบับ นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ดิน เศรษฐกิจ การยกระดับอาชีพ และรายได้ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ดูแลทุกภาคส่วน
 
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่าไปรู้ลอย ๆ ไม่เช่นนั้นก็จะถามลอย ๆ กันทั้งวัน ตนก็ตอบได้ทั้งวัน ท่านต้องรู้ให้ลึก และดูปัญหาอยู่ตรงไหน ถ้าคิดแบบนี้ก็จะตอบได้มาก แต่ถ้าถามลอย ๆ ตนก็ตอบลอย ๆ เพราะไม่ลงรายละเอียดมาก ซึ่งมันไม่ได้ มันต้องไปด้วยกัน ช่วยตนในการปฏิรูปเดินยุทธศาสตร์ชาติ เพราะสิ่งเหล่านี้มีกระทบต่อทุกคน วันข้างหน้ารัฐบาลไหนจะเข้ามาบริหารประเทศก็ยังไม่รู้ ใครจะเป็นรัฐบาล นักการเมืองคนไหน จะเข้ามาไม่มีใครรู้ จึงอยากให้ใช้โอกาสนี้ในการรับฟังว่าข้อสรุปของแต่ละคณะว่าอย่างไร โดยเฉพาะคณะปรองดอง ดังนั้น ขออย่าหวาดระแวง พร้อมย้ำว่า การปรองดองไม่ใช่นิรโทษกรรม  นิรโทษกรรมเป็นสาเหตุของการขัดแย้ง
 
“ผมยืนยันว่าไม่มีเรื่องนิรโทษกรรม แต่ฝ่ายการเมืองบอกว่า ไม่มีนิรโทษกรรมก็ปรองดองไม่ได้ ถ้าหากคิดแต่แบบนี้ ก็จนด้วยเกล้า ที่สำคัญ ผมมีหิริโอตัปปะ ไม่ใช่แต่พูด แล้วไม่ปฏิบัติ วันนี้ ประชาธิปไตยที่ไร้กรอบ ไร้วินัย ถามว่าเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ ประเทศประชาธิปไตยจับคน 300-500 คน ไม่ว่าเขา แต่กับผม จับ 1-2 คน ว่าอยู่นั่นแหละ ขอให้ดูข้อเท็จจริงว่า คนเหล่านี้พูดปลุกระดมแค่ไหน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
 
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ปัญหาบ้านเราคือการปรองดอง มันยากสำหรับประเทศเรา เพราะปรองดองในขณะที่เรามีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มรูปแบบเขาบอกว่ามันค่อนข้างยาก แต่ผมจะทำให้ได้ ซึ่งผมก็ละเว้นกฎหมายไม่ได้ หรือทุกคนอยากให้ปรองดองโดยการละเว้นกฎหมาย ถ้าทำอย่างนั้นกฎหมายจะเสียหายหลายฉบับ คนอื่นก็จะรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ผมได้อ่านหนังสือหนังสือหลักคิดในการปฏิรูปประเทศไทย เขียนเหตุการณ์ตั้งแต่ปี 2553 หนังสือของหมอประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส และหนังสือของนายคณิต ณ นคร รวมถึงหนังสือนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ และอีกหลายคณะ อ่านแล้วเรียบเรียงออกมา ใกล้เคียงกับสิ่งที่ผมคิด และผมก็เติมไปนิดหน่อย เพื่อให้เกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น สรุปได้มา 13 ข้อ ถือเป็นการที่คณะทำงานทั้ง 4 คณะ จะนำไปใช้เป็นแนวคิด จะถูกหรือผิดไปคิดเอาเอง และสร้างความรับรู้กับประชาชนด้วย
 

โฆษกกลาโหม ยันวงคุยเปิดกว้างทุกฝ่าย ไม่มีมุบมิบ ไม่มีอคติ

พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า กระทรวงกลาโหมจะแถลงข่าวผลการหารือระหว่างพรรคการเมืองและคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ในวันพุธและวันศุกร์เท่านั้น เนื่องจากการเผยแพร่ผลการหารือทุกวันจะเป็นการจำกัดกรอบความคิดของพรรคการเมืองอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้เดินทางมาหารือ พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้มีข้อห้ามให้พรรคการเมืองให้ข่าวกับสื่อมวลชน เพียงแต่ต้องการให้ข้อมูลมีความสมบูรณ์มากกว่า
 
“การพูดคุยทำให้เกิดประโยชน์กับคนไทย และเปิดกว้างทุกฝ่าย ไม่มีมุบมิบ ไม่มีอคติ หรือเงื่อนไขใด ทำอย่างจริงใจ ยืนยันว่ามีความโปร่งใสในกระบวนการสร้างความปรองดอง และเปิดกว้างให้สามารถพูดคุยได้นอกเหนือ 10 ประเด็นที่ตั้งไว้” พล.ต.คงชีพ กล่าว
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่บรรยากาศการพูดคุยตั้งแต่เวลา 09.00-13.00 น. เป็นไปด้วยดี เปิดกว้างให้พรรคการเมืองได้แสดงความเห็นอย่างเต็มที่โดยที่คณะกรรมการไม่ได้ตั้งคำถามใด ๆ
 

'ความหวังใหม่' ย้ำนำประชาธิปไตยมาเป็นตัวสร้าง

ด้าน ชิงชัย มงคลธรรม หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ เปิดเผยว่า การปรองดองคือต้องให้เป็นประชาธิปไตยโดยเร็ว และต้องสร้างความสามัคคีในชาติให้ได้ด้วยการนำประชาธิปไตยมาเป็นตัวสร้าง หากเป็นเผด็จการ ก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ต้องคืนอำนาจอย่างรู้และเข้าใจ ย้ำว่าการนิรโทษกรรมไม่ใช่แนวทางแก้ปัญหา แต่เป็นการกระทำความผิดของเฉพาะคนและเฉพาะกลุ่ม อีกทั้งความผิดทางอาญาก็ไม่สามารถนิรโทษกรรมได้  ยืนยันว่าบรรยากาศการหารือในวันนี้ (14 ก.พ.) เป็นไปด้วยดี ทางฝ่ายทหารก็เข้าใจและพร้อมรับฟัง
 

พรรคคนธรรมดาฯ แนะยกเลิกคำสั่ง คสช.ห้ามชุมนุม-เปิดเวทีในระดับจังหวัด

ขณะที่ ธนพร ศรียากูล หัวหน้าพรรคคนธรรมดาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้เสนอว่าให้การหารือ ไม่ควรเป็นเรื่องของนักการเมืองหรือแกนนำ เนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากที่เดือดร้อน และอยากสะท้อนปัญหามาถึงรัฐบาล ทั้งนี้ ตนได้เสนอให้ยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองมากกว่า 5 คนขึ้นไป และเสนอให้เปิดเวทีในระดับจังหวัด ซึ่งเวทีดังกล่าว ขอให้ยกเลิกการเชิญคนมาร่วม แต่เปิดให้เป็นการลงทะเบียนเข้ามาโดยสมัครใจ ให้ประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นได้ และรวบรวมความเห็นทั้งหมดกลับมาให้พรรคการเมืองจัดทำเป็นนโยบายการเลือกตั้งครั้งต่อไป หากพรรคใดที่ยอมรับ ขอให้ทำเป็นข้อตกลง และรวมถึงต้องกำหนดวันเลือกตั้งให้ชัดเจน เพื่อจะทราบว่าอนาคตจะเดินไปในทิศทางใด ส่วนตัวไม่ค่อยเชื่อมั่นในการพูดคุยเช่นนี้ เพราะไม่แตกต่างจากรัฐบาลที่ผ่านมาที่เชิญตัวแทนมาให้ข้อมูล แต่ไม่ได้เกิดผลใด ๆ
 

ประวิตรมั่นใจสร้างปรองดองครั้งนี้สำเร็จ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระบวนการสร้างความปรองดอง โดยเชื่อว่าการดำเนินการครั้งนี้จะประสบความสำเร็จ จะไม่คุยเรื่องขัดแย้ง ทั้งเรื่องการอภัยโทษหรือนิรโทษกรรม เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย แต่จะเน้นการสร้างความปรองดอง ลดความเหลื่อมล้ำ หาหนทางให้ประชาชนอยู่ดีกินดี
 
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้รับจดหมายเชิญให้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้เซ็นจดหมายเชิญไปเมื่อวานนี้(13 ก.พ.) โดยมีพรรคการเมืองที่จะเข้าให้ความเห็นกว่า 70 พรรค การเชิญพรรคการเมืองจะเชิญเพียงกลุ่มละครั้ง จากนั้นจะเชิญภาคธุรกิจต่อ ส่วนระดับท้องถิ่น ประชาชนและนักศึกษา แม่ทัพภาคและผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นผู้ดำเนินการ ไม่จำกัดว่าจะเป็นกลุ่มใด จะให้เวลาแสดงความคิดเห็น โดยจะนำเหตุผลและข้อเสนอแนะของทุกภาคส่วนไปสู่ความปรองดองร่วมกัน ซึ่งวันนี้คณะเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ได้เชิญตัวแทนพรรคการเมืองมาหารือเรื่องความปรองดองครั้งแรก
 
 
 
ที่มา สำนักข่าวไทย 1, 2, 3 และ เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net