Skip to main content
sharethis
10 ก.พ.2560 รายงานข่าวระบุว่า ศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำร้องขอให้ทุเลาการบังคับใช้ตามคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ ที่สั่งให้ บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ มนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ผู้ฟ้องคดีใน 5 คดี ชดใช้ค่าเสียหายจากการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจี รวมมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท
 
โดย สํานักงานศาลปกครอง รายงานว่า ศาลมีคําสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา ในคดีหมายเลขดําที่ 1786/2559 คดีหมายเลขดําที่ 1787/2559 คดีหมายเลขดําที่ 1788/2559 คดีหมายเลขดําที่ 1861/2559 และ คดีหมายเลขดําที่ 1873/2559 ระหว่าง บุญทรง เตริยาภิรมย์ กับพวกรวม 5 คน ผู้ฟ้องคดี กับ นายกรัฐมนตรี ที่ 1 กับพวกรวม 4 คน ผู้ถูกฟ้องคดี
 
คดีทั้งห้าสํานวนผู้ฟ้องคดีทั้งห้าฟ้องว่า คําสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่เรียกให้ผู้ฟ้องคดีทั้งห้าชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ทางราชการ กรณีการทุจริตในโครงการรับจํานําข้าวของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีการระบายข้าวจากโครงการดังกล่าวด้วยวิธีการค้าข้าวระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล (Government to Government : G to G)ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคําสั่งดังกล่าว โดยผู้ฟ้องคดีทั้งห้ามีคําขอวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษา ขอให้ศาลมีคําสั่งทุเลาการบังคับตามคําสั่งพิพาทไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
 
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่ศาลจะมีอํานาจออกคําสั่งทุเลาการบังคับตามคําสั่งพิพาทในระหว่างพิจารณาคดี ได้นั้น ต้องครบเงื่อนไขตามกฎหมายทั้ง 3 ประการ คือ (1) คําสั่งพิพาทน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย (2) การให้คําสั่งพิพาท มีผลใช้บังคับต่อไป จะทําให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลัง และ (3) การทุเลา การบังคับตามคําสั่งพิพาท ไม่เป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐหรือแก่บริการสาธารณะ
 
เมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงในชั้นไต่สวนคําขอวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาแล้ว เห็นว่า ภายหลังจาก ผู้ถูกฟ้องคดีออกคําสั่งเรียกให้ผู้ฟ้องคดีทั้งห้าชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ผู้ถูกฟ้องคดีมีหนังสือแจ้งเตือนให้ผู้ฟ้องคดี ทั้งห้าชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้เสร็จสิ้นภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว ซึ่งผู้ฟ้องคดีทั้งห้าและ ผู้ถูกฟ้องคดีให้ถ้อยคําต่อศาลรับกันว่า นอกจากหนังสือแจ้งเตือนดังกล่าวแล้ว ผู้ถูกฟ้องคดียังไม่มีการใช้มาตรการ บังคับทางปกครองโดยยึด หรืออายัดทรัพย์สินของผู้ฟ้องคดีทั้งห้าและขายทอดตลาดเพื่อชําระค่าสินไหมทดแทน แต่อย่างใด ในชั้นนี้ยังไม่อาจรับฟ้งได้ว่า คําสั่งพิพาทน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนที่ผู้ฟ้องคดีอ้างว่าคําสั่งพิพาท ไม่ชอบด้วยกฎหมายหลายประการนั้น เป็นประเด็นในเนื้อหาของคดีที่ศาลจะต้องแสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อพิจารณา พิพากษาต่อไป และเมื่อผู้ถูกฟ้องคดียังไม่มีการใช้มาตรการบังคับทางปกครอง ในชั้นนี้จึงรับฟังไม่ได้ว่า หากศาลไม่มี คําสั่งทุเลาการบังคับตามคําสั่งพิพาท จะทําให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้ฟ้องคดีทั้งห้าที่ยากแก่การเยียวยา แก้ไขในภายหลัง ดังนั้น ข้อกล่าวอ้างในคําขอให้ศาลมีคําสั่งทุเลาการบังคับตามคําสั่งพิพาทของผู้ฟ้องคดีทั้งห้า จึงไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกําหนด ศาลจึงไม่มีอํานาจสั่งทุเลาการบังคับตามคําสั่งที่เรียกให้ผู้ฟ้องคดีทั้งห้า ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนไว้เป็นการชั่วคราวในระหว่างพิจารณาคดี
 
ศาลจึงมีคําสั่งยกคําขอวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาของผู้ฟ้องคดีทั้งห้า
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net