สนง.ป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ถวายตำแหน่งทูตสันถวไมตรีด้านหลักนิติธรรมประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แด่ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา
ภาพพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จทรงเข้าร่วมการประชุมระหว่างปีของสมาคมกฎหมายระหว่างประเทศแห่งเอเชีย (AsianSIL Inter-Sessional Regional Conference 2015) 4 มิ.ย.2558 (ที่มา เว็บไซต์กระทรวงยุติธรรม)
เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา บีบีซีไทย รายงานว่า สำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ถวายตำแหน่งทูตสันถวไมตรีด้านหลักนิติธรรมประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แด่ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระราชธิดาในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในวัน 8 ก.พ.2560
เจเรมี ดักลาส ผู้แทน UNODC ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ ว่า พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา จะทรงช่วยส่งเสริมการปฏิรูประบบยุติธรรม ทั้งยังทรงสนพระทัยเป็นพิเศษในเรื่องเกี่ยวกับเรือนจำโดยเฉพาะประเด็นของผู้ต้องขังหญิง โดยพระองค์จะทรงปฏิบัติพระกรณียกิจในฐานะทูตสันถวไมตรีด้านหลักนิติธรรมทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
"พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา มิได้ทรงมองว่าพระองค์อยู่เหนือกฎหมาย ทั้งยังทรงมีความสนพระทัยในการช่วยผลักดันการปฏิรูประบบยุติธรรม" ดักลาส กล่าว
เมื่อปี 2555 พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ยังทรงดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยประจำคณะกรรมาธิการสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา และเอกอัครราชทูตไทยประจำออสเตรีย
และเมื่อ เม.ย.2552 อันโตนิโอ มาเรีย คอสตา ผู้อำนวยการ UNODC ได้ถวายเหรียญรางวัลเกียรติยศสูงสุด Medal of Recognition แด่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา อันเนื่องมาจากพระเจ้า หลานเธอฯ ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจในด้านกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะด้านสิทธิของผู้ต้องขังที่ทรงได้ริเริ่มภายใต้โครงการกำลังใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน (7 ก.พ.60) ผู้ตรวจสอบพิเศษของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เกี่ยวกับเสรีภาพในการแสดงออก เดวิด เคย์ เรียกร้องให้ทางการไทยยุติการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็นเครื่องมือปิดกั้นการวิพากษ์วิจารณ์ ในประเทศไทย ทั้งนี้การดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อราชวงศ์นั้นมีโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี(อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม)