Skip to main content
sharethis

มอบคลังชี้แจงรายละเอียด การใช้งบประมาณของรัฐ หลังมีการวิจารณ์รัฐบาลถังแตก ยืนยันโครงการลงทุนต่าง ๆ ผ่านการกลั่นกรองพิจารณาตามระเบียบ แนะอย่าตกใจแต่ให้เทียบกับโครงการในอดีต ถามกลับอยากอยู่แบบเดิม? สมคิดแจงเป็นแผนบริหารของคลัง ขณะที่คลังชี้มีมากไปไม่เกิดประโยชน์ แถมมีภาระดอกเบี้ยที่ไม่จำเป็น 

 

พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานในงานสรุปผลการปฏิบัติงาน ประจำปี 2559 และแถลงแผนการปฏิบัติงาน ประจำปี 2560 ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล 6 ก.พ.2560 (ที่มาภาพ เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล)

6 ก.พ.2560 จากกระแสวิพากษ์ถึงสถานะทางการเงินของรัฐบาลโดยเฉพาะเงินคงคลังที่มีการระบุว่ารัฐบาลถังแตกนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า มอบหมายให้กระทรวงการคลังชี้แจง แต่ยืนยันว่าการดำเนินการทุกโครงการของรัฐบาล เป็นไปตามขั้นตอนของระเบียบการเงินการคลัง อีกทั้งทุกโครงการที่เสนอเข้าคณะรัฐมนตรี ได้มีการศึกษาความเป็นไปได้ ประโยชน์ที่จะได้รับ และตัวงบประมาณที่จะใช้มาแล้ว และยืนยันว่าสามารถใช้งบประมาณดำเนินการได้ ทั้งนี้ขอให้ทุกคนเข้าใจว่ารัฐบาลต้องให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนทุกด้าน แต่ขณะเดียวกัน รัฐบาลต้องดูแลการพัฒนาประเทศและการลงทุน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการปฎิรูปทางเศรษฐกิจ และรายละเอียดทั้งหมด กระทรวงการคลังจะชี้แจง

"เพราะว่าอะไร เพราะว่าบอกใช้เงินไปเยอะ อย่างนี้จะหมดตรงนั้น กฎหมายเขาทำได้ไหมไปดูสิ ก็คุณอย่าไปตกใจนักสิ คุณก็ฟังสิคุณจะเอาอะไรบ้าง หนึ่ง อยู่แบบเดิม ไม่ต้องใช้เงินอะไรเลย ใช้เงินอุดหนุนไปอย่างเดียว ช่วยเหลือเกษตรกรรายได้น้อย ไปอย่างนี้ โอเค เงินเหลือเยอะ และอยู่อย่างนี้นะ 5 ปี 10 ปีข้างหน้าอย่ามาโทษผมนะ"
 
"วันนี้เขาเอาลงทุนถูกต้องหรือเปล่า ได้หรือเปล่า กฎการลงทุนเป็นอย่างไร หนี้สาธารณะมันเกินหรือเปล่า ดูอย่างนี้ แล้วไปดูว่าเขาทำแล้วมันทุจริตหรือเปล่า มันเกิดหรือไม่เกิด โน้นไปดูตรงปลายทางนั้นด้วย ไม่ใช่วันนี้แตะอะไรไม่ได้สักอย่าง แต่ต้องการ แล้วจะเอาอะไรจากผม"
 
"เดี๋ยวประทรวงการคลังเขาชี้แจง หน้าที่ผมคิดคือทำงานขับเคลื่อนประเทศ หน้าที่ของฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายกระทรวงการคลัง ฝ่ายควบคุมหน้าสาธารณะเขาดูอยู่ ว่าที่สั่งไปแล้ว ใช้ไปแล้ว ก่อนนี้เข้ามาอนุมัตินี่เขา เขาต้องผ่านการกลั่นกรองมาแล้ว เข้าใจหรือยัง และพออาจมีคนหวังดีไม่หวังดีไม่รู้ ก็ไปรวมทั้งหมดมา และลองไปรวมไอ้ที่ผ่านมาสิใช้ไปทั้งหมดมันเกิดประโยชน์อะไรบ้าง ไปรวมมาโน้น และก่อนหน้านั้นโครงการอะไรบ้าง และวันนี้ใช้เงินเหล่านี้ไปทำงานโครงการอะไร ดูโครงการมาเปรียบเทียบกันก่อนสิ แล้วจากนั้นมาไล่ดูว่ามันผิดระเบียบการใช้การเงินการคลังหรือเปล่า เข้าใจหรืยัง มองให้อย่างนี้ ถ้ารัฐบาลปฏิรูปและทุกคนไม่ปฏิรูปมันก็จะเป็นแบบเดิม ผมไม่เคยดูถูกความคิดใครอะ คิดแบบผมคิดสิน ท่านคิดแบบนี้ก็คอยดึงขาผมอยู่นี่ล่ะ ผิดไปว่ามา ถ้าไม่ใช้ก็ไม่ใช้" 
 
ต่อกรณีคำถามว่า จะเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้อย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนตัวทราบดีว่าเป็นการให้ข้อมูลจากนักการเมืองฝ่ายไหน ดังนั้นขออย่าเป็นกระบอกเสียงให้อีกฝ่าย และอย่าวนอยู่กับปัญหาเดิมๆ
 
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินภายในประเทศในทำนองว่า รัฐถังแตกจึงต้องไปรีดภาษีสูงขึ้น ว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะจากข้อมูลฐานะการคลังของรัฐบาล ณ เดือน ธ.ค.2559 ยังมีเงินคงคลัง ซึ่งเป็นตัวเลขที่หักลบรายได้และรายจ่ายแล้วคงเหลือทั้งสิ้น 74,907 ล้านบาท

สมคิดแจงเป็นแผนบริหารของคลัง

ขณะที่ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยถึงกรณีเงินคงคลังลดลงมาอยู่ในระดับต่ำว่า เป็นแผนบริหารจัดการของกระทรวงการคลัง เพราะขณะนี้รัฐบาลต้องการเร่งรัดเบิกจ่ายเงินออกสู่ระบบโดยเร็ว ขณะที่ความต้องการใช้เงินสามารถทำได้ภายใน 2 วัน ดังนั้น ปริมาณเงินคงคลังจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับการบริหารเงินของรัฐบาลแต่สถานการณ์แต่ละช่วง เพราะบางปีเงินคงคลังเหลือ 15,000-20,000 ล้านบาท ยังไม่เคยมีปัญหา เพราะสามารถบริหารจัดการได้และแนวโน้มเงินภาษีหลายด้านยังเริ่มไหลเข้าคลังเพิ่ม จึงไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด การที่หลายฝ่ายตกใจ เพราะเป็นประเด็นทางการเมือง จึงทำให้เกิดความหวั่นวิตกกังวลได้
 

คลังชี้มีมากไปไม่เกิดประโยชน์ แถมมีภาระดอกเบี้ยที่ไม่จำเป็น 

อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีนี้ด้วยว่า เงินคงคลังที่หมายถึงคือเงินสดคงคลังที่เหลืออยู่ ซึ่งในความเป็นจริงมีเพียง 50,000-100,000 ล้านบาทก็เพียงพอในการบริหารจัดการ เพราะหากมีเงินคงคลังมากเกินไป  รัฐบาล จะมีภาระดอกเบี้ยที่ไม่จำเป็น ดอกเบี้ยที่ไม่จำเป็น หากลดเงินคงคลังได้ 100,000 ล้านบาท จะลดภาระดอกเบี้ยได้ 2,000 ล้านบาท
 
รัฐมนตรีคลังยืนยันว่าเงินคงคลังยังอยู่ในสถานะที่ดีอยู่ ไม่ได้ถังแตก โดย ณ เดือน ธ.ค. 59 ซึ่งเป็นตัวเลขที่หักลบรายได้และรายจ่ายแล้วคงเหลือทั้งสิ้น 74,907 ล้านบาท
 
“ในอดีตที่ผ่านมา เคยมีการเก็บเงินคงคลังไว้สูงถึง 4 แสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาลมองว่าไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด โดยรายได้ของรัฐบาลมาจากสองส่วนหลักคือ รายได้จากการจัดเก็บภาษี และเงินกู้ รัฐบาลดำเนินนโยบายเรื่องของการกู้เงินตามความจำเป็นไม่กู้มาเก็บเอาไว้ซึ่งจะทำให้เสียดอกเบี้ย” อภิศักดิ์ กล่าว
 
อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้คล่องในการบริหารจัดการเงินสดคงคลัง จึงได้สั่งการให้ศึกษาการแก้ไขกฎหมายเงินคงคลัง ของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ หรือ สบน.ให้สามารถกันเงินกู้ฉุกเฉินระยะสั้นวงเงิน 80,000 ล้านบาท ไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน โดยไม่จำเป็นต้องกู้เงินไว้ก่อนเหมือนในปัจจุบัน ซึ่งทำให้สภาพคล่องในการบริหารเงินคงคลังมีประสิทธิภาพและประหยัดภาระดอกเบี้ยมากขึ้น
 
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net