ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เผยผลสอบข้อเท็จจริงบิ๊กกรมทรัพย์สินทางปัญญานโมยภาพที่ญี่ปุ่น ชี้เข้าข่ายผิดวินัยร้ายแรง เหตุส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ข้าราชการไทยและประชาชนไทยทั้งประเทศ แม้ลาออกแล้วยังคงดำเนินการต่อไป

31 ม.ค. 2560 ความคืบหน้า เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองเกียวโต ได้เข้าควบคุม สุภัฒ สงวนดีกุล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เหตุขโมยภาพวาดในโรงแรม เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา จนเป็นกระแสวิพากษณ์วิจารณ์ในสังคมจำนวนมาก  และต่อมาเจ้าหน้าที่ของไทยได้เจรจากับโรงแรมและเจ้าหน้าที่ญี่ปุน ส่งผลให้อัยการมีคำสั่งปล่อยตัว โดยมีการจ่ายเงินค่าเสียหายให้กับทางโรงแรม ในวันที่ 27 ม.ค.นั้น 

ที่มาจดหมาย ไทยรัฐออนไลน์ โพสต์ทูเดย์

ล่าสุดวันนี้ (31 ม.ค.60) ไทยรัฐออนไลน์ โพสต์ทูเดย์และกรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รายงานตรงกันว่า สุภัฒ ได้มีหนังสือชี้แจงกรณีถูกจับกุม ข้อหาลักทรัพย์ที่กรุงเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ระบุหลังเสร็จภารกิจได้ดื่มสังสรรค์กับเพื่อนสมัยเรียนที่ญี่ปุ่น สนุกสนานกันเต็มที่ และเผลอตัวดื่มสุรามากเกินไปจนเมามายขาดสติ ไม่รู้ตัว กระทำในสิ่งที่ไม่ควรกระทำ พร้อมกันนี้ ได้ระบุถึงการลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบ และทราบดีว่าการลาออกจากตำแหน่ง มิได้ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงกระบวนการตามระเบียบราชการได้ หากมีการดำเนินการทางวินัยก็น้อมรับ และยินดีให้ความร่วมมือในการให้ข้อเท็จจริงอย่างเต็มที่

ผลสอบชี้เข้าข่ายผิดวินัยร้ายแรง

วันเดียวกัน สำนักข่าว TNN24 รายงานด้วยว่า วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลสอบข้อเท็จจริงกรณี สุภัฒ ได้ขโมยรูปภาพที่โรงแรมในประเทศญี่ปุ่นว่า คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงชี้ว่ามีมูลเข้าข่ายผิดวินัยอย่างร้ายแรง เนื่องจากส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ข้าราชการไทยและประชาชนไทยทั้งประเทศ ซึ่งขั้นตอนต่อไปคณะกรรมการสอบทางวินัยขั้นร้ายแรง จะทำการสอบทางวินัยข้าราชการคนดังกล่าว ตามระเบียบข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) โดยมีผู้แทนจากกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานคณะกรรมการสอบวินัยขั้นร้ายแรง เพื่อพิจารณาบทลงโทษ ว่าจะเป็นการปลดออก หรือ ไล่ออก โดยคาดว่าจะรู้ผลในเร็วๆ นี้ ซึ่งในส่วนของบทลงโทษนั้น หากมีการพิจารณาแล้วว่าให้ "ปลดออก" อดีตรองอธิบดี จะยังคงได้รับบำเหน็ดบำนาญเช่นเดียวกับการลาออก ส่วนหากบทลงโทษคือ "ไล่ออก" ก็จะไม่ได้รับบำเหน็ดบำนาญใดๆ ทั้งสิ้น

วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ (แฟ้มภาพ)