ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พ.ร.บ. กยศ. 60 คิดดอกเบี้ย ไม่เกินอัตรา 7.5% ต่อปี กองทุนมีอํานาจขอข้อมูลส่วนบุคคลของผู้กู้ยืมเงิน นายจ้างหักเงินได้พึงประเมินของผู้กู้ยืมเงิน กำหนดให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ เรียนสาขาวิชาที่เป็นความต้องการหรือที่ขาดแคลน รวมทั้งผู้ที่เรียนดีเพื่อสร้างความเป็นเลิศ
30 ม.ค. 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ พ.ร.บ. กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560 แล้ว โดยระบุเหตุผลของการประกาศใช้ไว้ในหมายเหตุประกอบว่า เหตุผลในการประกาศใช้ พ.ร.บ.ฉบับนี้ คือ เนื่องจากกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาตาม พ.ร.บ.กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2541 และกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคตตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการบริหารกองทุนเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2549 ที่ออกตาม พ.ร.บ.เงินคงคลัง พ.ศ. 2491 มีการบริหารจัดการและการดําเนินการที่มีข้อจํากัด และไม่สอดคล้องกับ นโยบายการผลิตกําลังคนและการพัฒนาประเทศ สมควรบูรณาการการบริหารจัดการและการดําเนินการของทั้งสองกองทุนดังกล่าวให้เป็นเอกภาพอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน และเพิ่มมาตรการในการบริหารจัดการกองทุนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงจําเป็นต้องตรา พ.ร.บ.นี้
เปรียบเทียบเงื่อนไข กยศ.ปี 41 กับ กยศ.ปี 60 (ดูภาพขนาดใหญ่)
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับ พ.ร.บ. ดังกล่าว มีมาตราที่น่าสนใจ โดยเฉพาะ หมวด 1 การจัดตั้งกองทุน มาตรา 6 ให้จัดตั้งกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่ง เรียกว่า “กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา”ให้กองทุนเป็นหน่วยงานของรัฐอยู่ในกํากับดูแลของรัฐมนตรี และมีฐานะเป็นนิติบุคคลที่ไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน หรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณและกฎหมายอื่น
มาตรา 12 เงินของกองทุนให้นําไปหาผลประโยชน์ได้ โดยการฝากกับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจหรือธนาคารพาณิชย์ หรือซื้อหลักทรัพย์ของรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกําหนด
คณะกรรมการจะกําหนดให้เริ่มคิดดอกเบี้ยหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้กู้ยืมเงินนับแต่เวลาใด ภายหลังที่สําเร็จการศึกษาหรือเลิกการศึกษาแล้วก็ได้ แต่อัตราดอกเบี้ยหรือประโยชน์อื่นใดที่คิด ณ วันทําสัญญา ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี และห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยทบต้น
ในกรณีจําเป็น ผู้จัดการอาจผ่อนผันให้ผู้กู้ยืมเงินชําระเงินคืนกองทุนแตกต่างไปจากจํานวน ระยะเวลา หรือวิธีการที่กําหนดไว้ตามวรรคหนึ่ง หรือลดหย่อนหนี้ หรือระงับการชําระเงินคืนกองทุน ตามที่ผู้กู้ยืมเงินร้องขอเป็นรายบุคคลหรือเป็นการทั่วไปก็ได้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่คณะกรรมการกําหนดตามมาตรา 19 (11)
ในกรณีที่ผู้กู้ยืมเงินผู้ใดผิดนัดการชําระเงินคืนกองทุน และไม่ได้รับอนุญาตให้ผ่อนผันตามวรรคสาม คณะกรรมการจะกําหนดให้ผู้กู้ยืมเงินต้องเสียเงินเพิ่มอีกไม่เกินร้อยละหนึ่งจุดห้าต่อเดือนก็ได้
พ.ร.บ. กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2541หมวด 1 การจัดตั้งกองทุน มาตรา 5 ให้จัดตั้งกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่ง เรียกว่า "กองทุนเงิน ให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา" ให้กองทุนมีฐานะเป็นนิติบุคคล และมีวัตถุประสงค์เพื่อให้กู้ยืมเงิน แก่นักเรียนหรือนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื่อเป็นค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษา และค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการ ครองชีพระหว่างศึกษา
มาตรา 12 เงินของกองทุนอาจนำไปหาดอกผลโดยนำไปฝากไว้ กับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินอื่นที่เป็นของรัฐ
หมวด 5 การนำเงินส่งกองทุน มาตรา 52 เมื่อผู้กู้ยืมเงินสำเร็จการศึกษาหรือเลิกการศึกษาแล้ว เป็นเวลาสองปี ผู้กู้ยืมเงินมีหน้าที่ต้องชำระเงินกู้ยืมคืนให้กับกองทุน ตามจำนวนระยะเวลาและวิธีการที่กำหนดไว้ในระเบียบของคณะ กรรมการ
คณะกรรมการจะกำหนดไว้ในระเบียบให้เริ่มคิดดอกเบี้ยหรือ ประโยชน์อื่นใดนับแต่เวลาใดภายหลังที่จบการศึกษาหรือเลิกการ ศึกษาแล้วก็ได้แต่อัตราดอกเบี้ย หรือประโยชน์อื่นใดที่คิดต้องไม่เกิน อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำหนึ่งปีของธนาคารออมสิน และห้าม มิให้คิดดอกเบี้ยทบต้น
ในกรณีจำเป็นที่เห็นสมควร คณะกรรมการจะผ่อนผันให้ผู้กู้ยืมเงิน ชำระหนี้ตามระยะเวลาที่แตกต่างไปจากที่กำหนดไว้ในวรรคหนึ่ง หรือชะลอการชำระหนี้เป็นการชั่วคราวหรือลดหย่อนหนี้ให้ตามที่ ผู้กู้ยืมเงินร้องขอเป็นราย ๆหรือเป็นการทั่วไปก็ได้
ในกรณีที่ผู้กู้ยืมเงินไม่สามารถชำระหนี้เงินกู้คืนได้ภายในระยะเวลา ที่กำหนดตามวรรคหนึ่งและไม่ได้รับอนุญาตให้ผ่อนผันตามวรรคสาม คณะกรรมการจะกำหนดให้ผู้กู้ยืมเงินต้องเสียเงินเพิ่มอีกไม่เกินร้อยละ 1.5 ต่อเดือนก็ได้
|
หมายเหตุ : มีการปรับแก้พาดหัว จาก "โปรดเกล้าฯ พ.ร.บ.กยศ. ฉ.ใหม่แล้ว ให้อำนาจเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว เพดานดอกถึง 7.5% ต่อปี" มาเป็น "เปรียบเทียบ พ.ร.บ.กยศ. ฉ.เก่า-ใหม่ : ให้อำนาจเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว เพดานดอกถึง 7.5% ต่อปี" 13.53 น. 31 ม.ค.60
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)