25 พ.ย. 2559 รายงานข่าวแจ้งว่า ชาวมุสลิมในจังหวัดปัตตานีและใกล้เคียงกว่า 1,500 คน ในนามเครือข่ายองค์กรมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ร่วมละหมาดฮายัตในช่วงหลังละหมาดวันศุกร์ เพื่อขอพรจากเอกองค์อัลลอฮให้เกิดสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และให้รัฐบาลพม่ายุติการใช้ความรุนแรงกับชาวโรฮิงญาโดยด่วน ซึ่งนำละหมาดโดยนายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี
จากนั้นตัวแทนเครือข่ายองค์กรมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้ นำโดย แวดือราแม และ นัศรุดดีน เล๊ะนุ ได้ร่วมกันอ่านแถลงการณ์เรียกร้องรัฐบาลพม่ายุติการเข่นฆ่ามุสลิมโรฮิงญา โดยระบุ จากเหตุการณ์เผาบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ศาสนสถาน กดขี่ข่มเหงข่มขืนและเข่นฆ่าชาวมุสลิมโรฮิงญาโดยรัฐบาลพม่าอย่างโหดเหี้ยมและไร้ซึ่งมนุษยธรรมได้ถูกเผยแพร่ตามสื่อต่างๆไปทั่วโลกในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีพี่น้องมุสลิมชาวโรฮิงญา รวมทั้งเด็ก สตรี คนชราต้องเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และต้องอพยพหนีตายมากกว่าหนึ่งแสนคน
“ถึงแม้นว่าวันนี้โลกจะประณามการกระทำของรัฐบาลพม่าต่อชาวโรฮิงญาว่าเป็นการกระทำที่ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงก็ตาม แต่รัฐบาลพม่ายังไม่ยอมยุติและไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบใดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”
แถลงการณ์ยังระบุว่า การเคลื่อนไหวเรียกร้องเกิดขึ้นพร้อมๆกับพี่น้องมุสลิมที่นัดรวมตัวชุมนุมหน้าสถานทูตพม่าทั่วโลก เช่นประเทศไทยที่กรุงเทพมหานคร มาเลเซียที่กัวลาลัมเปอร์ อินโดนีเซียที่จาการ์ต้า ฟิลิปปินส์ที่มะนิลา ออสเตรเลียที่ซิดนีย์ ฝรั่งเศสที่ปารีส อังกฤษที่ลอนดอน ตุรกีที่อิสตันบูล อเมริกาที่นิวยอร์ก อินเดียที่นิวเดลี ปากีสถานที่อิสลามาบัด อียิปต์ที่ไคโร บาห์เรนที่มานามา เยเมนที่ซานอา
เครือข่ายองค์กรมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอเรียกร้องรัฐบาลพม่าและประชาคมอาเซียน ดังนี้ 1.เรียกร้องให้รัฐบาลพม่าเลิกกดขี่ข่มเหงและหยุดฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญาโดยเร็ว ให้สิทธิกับชาวโรฮิงญาในฐานะพลเมืองของพม่าสามารถใช้ชีวิตของเขาอย่างปกติเพื่อความสงบสุขของพม่า 2.ให้รัฐบาลพม่าปฏิบัติต่อชาวโรฮิงญาตามหลักสิทธิมนุษยชนและหลักมนุษยธรรม 3.ขอเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกอาเซียนเข้ามามีบทบาทสำคัญในการยุติปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศพม่าโดยเร็ว มิฉะนั้นอาเซียนจะตกเป็นพื้นที่การเคลื่อนไหวของกลุ่มสุดโต่งอื่นๆก็เป็นได้
แถลงการณ์ฉบับเต็ม เรื่อง ขอเรียกร้องรัฐบาลพม่ายุติการเข่นฆ่ามุสลิมโรฮิงญา
จากเหตุการณ์เผาบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ศาสนสถาน กดขี่ข่มเหงข่มขืนและเข่นฆ่าชาวมุสลิมโรฮิงญาโดยรัฐบาลพม่าอย่างโหดเหี้ยม และไร้ซึ่งมนุษยธรรม เหตุการณ์นี้ได้ถูกเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ ไปทั่วโลกในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีพี่น้องมุสลิมชาวโรฮิงญารวมทั้งเด็กสตรีคนชราต้องเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และต้องอพยพหนีตายมากกว่าหนึ่งแสนคน ถึงแม้นว่าวันนี้โลกจะประณามการกระทำของรัฐบาลพม่าต่อชาวโรฮิงญาว่าเป็นการกระทำที่ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงก็ตาม แต่รัฐบาลพม่ายังไม่ยอมยุติและไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบใดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เครือข่ายองค์กรมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้ รู้สึกเสียใจและสะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เราในฐานะที่เป็นมุสลิมผู้ศรัทธา รักสันติ และเชื่อฟังต่อคำสอนของอัลลอฮและเราะสูลของพระองค์ ย่อมตระหนักถึงความเป็นพี่น้อง และภาระหน้าที่ที่ต้องมีต่อพี่น้องของเราเสมือนหนึ่งเป็นเรือนร่างเดียวกัน ส่วนใดเจ็บปวดส่วนอื่นๆก็ต้องพลอยเจ็บปวดไปด้วย วันนี้พี่น้องมุสลิมในจังหวัดปัตตานีและจังหวัดใกล้เคียงได้รวมตัวกันเพื่อละหมาดฮายัต ขอพรจากเอกองค์อัลลอฮเพื่อให้เกิดสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้บ้านเรา และเพื่อให้รัฐบาลพม่ายุติการใช้ความรุนแรงกับชาวโรฮิงญาโดยด่วน อีกทั้งร่วมเรียกร้องและเคลื่อนไหวพร้อมๆกับพี่น้องมุสลิมที่นัดรวมตัวชุมนุมหน้าสถานทูตพม่าพร้อมกันทั่วโลก เฉกเช่นประเทศไทยที่กรุงเทพมหานคร มาเลเซียที่กัวลาลัมเปอร์ อินโดนีเซียที่จาการ์ต้า ฟิลิปปินส์ที่มะนิลา ออสเตรเลียที่ซิดนีย์ ฝรั่งเศสที่ปารีส อังกฤษที่ลอนดอน ตุรกีที่อิสตันบูล อเมริกาที่นิวยอร์ก อินเดียที่นิวเดลี ปากีสถานที่อิสลามาบัด อียิปต์ที่ไคโร บาห์เรนที่มานามา เยเมนที่ซานอา
เครือข่ายองค์กรมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอเรียกร้องรัฐบาลพม่าและประชาคมอาเซียน ดังนี้
1.เรียกร้องให้รัฐบาลพม่าเลิกกดขี่ข่มเหงและหยุดฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญาโดยเร็ว ให้สิทธิกับชาวโรฮิงญาในฐานะพลเมืองของพม่าสามารถใช้ชีวิตของเขาอย่างปกติเพื่อความสงบสุขของพม่า
2.ให้รัฐบาลพม่าปฏิบัติต่อชาวโรฮิงญาตามหลักสิทธิมนุษยชนและหลักมนุษยธรรม
3.ขอเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกอาเซียนเข้ามามีบทบาทสำคัญในการยุติปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศพม่าโดยเร็ว มิฉะนั้นอาเซียนจะตกเป็นพื้นที่การเคลื่อนไหวของกลุ่มสุดโต่งอื่นๆก็เป็นได้
เครือข่ายองค์กรมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้
มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี
25 พ.ย.2559