Skip to main content
sharethis
รมว.ศึกษา ทำหนังสือถึงสำนักงาน กสทช. เพื่อขอรับการจัดสรรคลื่นช่องการศึกษา หวังพัฒนาคุณภาพการศึกษาและความเสมอภาคให้กับประชาชนทุกเพศทุกวัย ด้านสุภิญญาเห็นด้วยเปิดช่องเพื่อการศึกษาแต่ต้องมีหลักเกณฑ์คัดเลือกผู้เหมาะสม
 
13 พ.ย. 2559 นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์  คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)  เปิดเผยว่าได้รับหนังสือจากพลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มาถึง กสทช. ว่าขอให้มีการจัดสรรคลื่นความถี่ในการทำโทรทัศน์ระบบดิจิตอลช่องการศึกษาอย่างเร่งด่วน  เพื่อช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและสร้างความเสมอภาคให้กับประชาชน รวมทั้งส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิตและสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น  โดยใน พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542  มาตรา 63 ระบุให้ รัฐต้องจัดสรรคลื่นความถี่ สื่อตัวนำและโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการส่งวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ วิทยุโทรคมนาคม และการสื่อสารรูปอื่นๆ เพื่อใช้ประโยชน์สำหรับการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมตามความจำเป็น  ปัจจุบันกระทรวงศึกษาได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการผ่านดาวเทียมในระบบเคยูแบนด์ ช่องรายการ ETV  ซึ่งจะหมดอายุวันที่ 27 มกราคม 2564   และเห็นว่าการให้บริการผ่านโทรทัศน์ดาวเทียมเช่นนี้ทำให้ผู้รับจำเป็นต้องมีอุปกรณ์การรับสัญญาณ ทำให้นักเรียน นักศึกษาและประชาชนที่ขาดแคลนอุปกรณ์ไม่สามารถรับบริการได้อย่างสะดวกและทั่วถึง  กระทรวงศึกษาธิการจึงจะขอรับการจัดสรรคลื่นความถี่เพื่อให้บริการด้านศึกษา ซึ่งเป็นประเภทบริการสาธารณะ ที่กสทช. กำหนดให้มีทั้งหมด 12 ช่อง  และจัดสรรไปแล้วเพียง 4  ช่องเท่านั้น  โดยกระทรวงศึกษาธิการเห็นว่าหากได้รับการจัดสรรคลื่นความถี่ดังกล่าว จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ส่งเสริมและสนับสนุนการเรียนรู้ตอลดชีวิตได้อย่างรวดเร็ว ทั่วถึง เท่าเทียม และมีคุณภาพทั่วประเทศ  รวมทั้งมั่นใจและมีความพร้อมอย่างเต็มที่จากประสบการณ์การบริหารสถานีโทรทัศน์เพื่อการศึกษา ETV  มากว่า 20 ปี
 
“ที่ผ่านมา กสทช. ได้รับการติดต่อมาจาก MORE TV ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งมีความประสงค์ที่จะขอรับการจัดสรรโทรทัศน์ประเภทบริการสาธารณะ ช่องการศึกษาเช่นกัน  โดยมีแผนการบริหารสถานีโทรทัศน์  รวมทั้งผลิตรายการตัวอย่าง เพื่อรอการจัดสรรคลื่นในช่องดังกล่าว  ถ้า กสทช. เปิดให้มีการจัดสรรคลื่นเพื่อการศึกษา แล้วมีหลายองค์กรให้ความสนใจ ทั้งกระทรวงศึกษา เครือข่ายมหาวิทยาลัย หรืออื่นๆ ก็เป็นโจทย์ที่ กสท.ต้องพิจารณาว่าจะจัดสรรคลื่นอย่างไรเพื่อให้ทุกภาคส่วนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน เพราะการศึกษาเรียนรู้ตลอดชีวิตควรเป็นวาระแห่งชาติโดยเฉพาะในยุคดิจิทัลที่สื่อและการศึกษาควรมีบทบาทให้เด็ก เยาวชน  ผู้บริโภครู้เท่าทันสื่อ" นางสาวสุภิญญากล่าว
 
ทั้งนี้ กสท. กำหนดช่องรายการสำหรับกิจการบริการสาธารณะโทรทัศน์ระบบดิจิตอล จำนวน 12 ช่องรายการ  โดยมีผู้ได้รับใบอนุญาตไปแล้ว 1 ราย คือ  ช่อง 10 รัฐสภา     และมีกลุ่มผู้ประกอบการรายเดิม จำนวน  3  ช่องที่ได้รับสิทธิออกอากาศคู่ขนาน (simulcast) จนกว่าจะสิ้นสุดระยะเวลาการใช้ความถี่แอนะล็อกเดิม  3 ช่อง  คือ   ช่อง 5 (กองทัพบก)  ช่อง 11 (กรมประชาสัมพันธ์)  และ Thai PBS   นอกจากนี้ยังมีช่องที่รอการจัดสรรอีก 8 ช่อง  คือ  ช่องที่ 5 เพื่อการส่งเสริมความรู้ การศึกษา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ช่องที่ 6 เพื่อส่งเสริมศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม การเกษตร และการส่งเสริมอาชีพ   ช่องที่ 7 เพื่อส่งเสริมสุขภาพ อนามัย กีฬา หรือการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน ช่องที่ 8 วัตถุประสงค์หลักเพื่อความมั่นคงของรัฐ  ช่องที่ 9 เพื่อความปลอดภัยสาธารณะ  ช่องที่ 11 เพื่อสนับสนุนการเผยแพร่และให้การศึกษาแก่ประชาชน เกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และ  ช่องที่ 12 เพื่อบริการข้อมูลข่าวสารสาธารณะ แก่ คนพิการ คนด้อยโอกาส เด็กและเยาวชน  โดย กสทช.จะให้ใบอนุญาตครั้งแรก  4 ปี จากนั้นเมื่อครบ 4 ปี จะพิจารณาต่อใบอนุญาตไม่เกิน 15 ปี

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net