Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis


 

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้รับการยกสถานะอย่างยิ่งใหญ่ ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (วันที่ 27 ตุลาคม -ผู้แปล)  เมื่อที่ประชุมของพรรคคอมมิวนิสต์ยกให้เขาเป็นผู้นำ “แกนหลัก” ซึ่งทำให้เขาอยู่ในตำแหน่งที่ได้รับการยกย่องระดับเดียวกับเหมา เจ๋อตง และเติ้ง เสี่ยวผิง

ตำแหน่งใหม่ล่าสุดของนายสี ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นบุรุษเหล็กทางการเมือง ได้เสริมสร้างอำนาจของเขาในการกำหนดชนชั้นผู้นำใหม่ของพรรค มันยังเป็นคำเตือนที่ว่า เจ้าหน้าที่ของพรรคควรเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบ เพื่อไม่ให้กลับไปสู่การใช้อำนาจตามอำเภอใจ ในช่วงทศวรรษท้ายๆ ของยุคเหมา (ในยุคปฏิวัติวัฒนธรรม –ผู้แปล)  แม้บางคนจะแอบกลัวว่า เขาสะสมอำนาจมากเกินไป และบ่อนทำลายภาวะผู้นำแบบรวมหมู่ (Collective leadership) ก็ตาม

นับแต่เขากลายเป็นเลขาธิการของพรรคเมื่อปี 2012  กลุ่มผู้นำ “พร้อมด้วยสหายสี ในฐานะเป็นแกนหลักกระทำตามคำพูดและชี้นำผ่านตัวอย่าง” คำประกาศจากการประชุมของคณะกรรมการกลางระบุไว้

“สำหรับประเทศและสำหรับพรรค แกนหลักในการนำนั้นสำคัญอย่างมาก” เอกสารได้รับการอ่านอย่างเคร่งขรึมผ่านข่าวทางโทรทัศน์ของรัฐบาลในจีน

ในประเทศจีน ตำแหน่งเช่นนั้นคือกระแสการยอมรับทางการเมืองที่ทรงอิทธิพลยิ่ง และสถานภาพใหม่ของนายสี จะสร้างแรงสะเทือนไปทั่วลำดับชั้นทางอำนาจของพรรค

“มันดูราวกับว่าการประชุมครั้งนี้เป็นชัยชนะของนายสี” โจเซฟ ฟิวสมิธ ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยบอสตัน  ผู้ซึ่งศึกษาการเมืองในชนชั้นผู้นำของจีน แสดงความเห็นผ่านอีเมล “เป็นการยากที่จะกล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงของบุคลากรนั้นเป็นอย่างไรจริงๆ  แต่มันดูเหมือนว่านายสีได้รับในสิ่งที่เขาต้องการ” 

คำว่า “แกนนำ” ไม่ได้ระบุไปที่อำนาจอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่มันแสดงให้ฝ่ายปรปักษ์สำคัญๆ รู้ว่า นายสี ยืนอยู่บนที่สูง ซึ่งมีผู้นำจีนยุคใหม่น้อยรายจะสามารถทำได้ เจ้าหน้าของรัฐทั่วประเทศจะต้องพบกับคลื่นของโฆษณาชวนเชื่อ และการอบรมทั้งหลาย ซึ่งต้องการให้พวกเขาแสดงความภักดีต่อนายสี โดยการยกย่องสถานภาพใหม่ของเขา

มันยังแสดงให้เห็นด้วยว่า เขาจะสามารถยุติรูปแบบการสร้างฉันทานุมัติที่เปี่ยมด้วยความพยายามยิ่งของผู้นำก่อนหน้านี้ของเขา (นั่นคือ ผู้นำของจีนยุคก่อนหน้านี้ไม่มีอำนาจเด็ดขาด จึงต้องขอความเห็นชอบจากคนรอบข้างอยู่เรื่อยมา ตามภาวะผู้นำแบบรวมหมู่ –ผู้แปล)  และประทับบารมีของตนอย่างมากต่อบรรดาผู้นำที่ต่อแถวมาในอนาคต ผู้เชี่ยวชาญกล่าวไว้

“มันดูเหมือนได้กัดกร่อนแนวคิดเรื่อง “ภาวะผู้นำแบบรวมหมู่” ซึ่งกลายเป็นจารีตในการเมืองของจีนตั้งแต่ปี 2000”   จูด บลานเชตต์ นักวิจัยในกรุงปักกิ่ง ผู้กำลังเขียนหนังสือเกี่ยวกับมรดกของเหมากล่าว

มันตอกย้ำวาทกรรมที่นายสีเองนั้นต้องระวังว่า จารีตแห่งการมีอำนาจร่วมกัน และการสืบเนื่องทางสถาบันการเมือง ซึ่งเกิดขึ้นอย่างเชื่องช้าในยุคหลังเหมา บัดนี้กำลังมีปัญหาอย่างชัดเจน นายบลานต์ เชตต์ กล่าว

แต่บรรดานักวิจัยและสื่อสิ่งพิมพ์ของทางพรรคแย้งว่า จีนกำลังถูกทดสอบจากการถดถอยทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งดูรุนแรงกว่าเดิม และมันต้องการผู้นำที่เข้มแข็งเพียงหนึ่งเดียวในการผลักดันวาระที่ขัดแย้งในตัวเองอันแสนทะเยอทะยานของนายสีที่ต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันก็เสริมสร้างความแข็งแกร่งของการปกครองแบบพรรคการเมืองเดียว และการยกฐานะระดับโลกของประเทศ

พีเพิลส์เดลลี หนังสือพิมพ์ฉบับสำคัญของพรรคกล่าวว่าประเทศและการปกครองแบบพรรคการเมืองเดียวต้องการศูนย์กลางอันทรงอิทธิพลของรัฐในการจัดการกับการท้าทายเหล่านั้น

“ศูนย์กลางของพรรคและพรรคโดยองค์รวมต้องมีแกนนำ” หนังสือพิมพ์กล่าวในบทบรรณาธิการต่อตอนท้ายในการประชุมของคณะกรรมการกลาง  สถานภาพการเป็นแกนหลักของนายสีนั้น เป็น “ผลประโยชน์ขั้นพื้นฐานของพรรคและประเทศ และจะเป็นตัวประกันขั้นพื้นฐานว่า ชนชั้นผู้นำของพรรคได้รับการดำรงไว้และเสริมสร้างให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น”

คำว่าผู้นำ “แกนหลัก” ย้อนกลับไปในช่วงที่เกิดเหตุการณ์วุ่นวายเมื่อปี 1989 เมื่อเติ้งใช้มันในการค้ำจุนอำนาจที่ไร้ความมั่นคงของนายเจียง เจ๋อหมิน ผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเลขาธิการของพรรคอย่างกระทันหัน เติ้งยังกล่าวอีกว่าเขาและเหมานั้นคือผู้นำแกนหลักในยุคของตัวเอง อันเป็นการชี้นำว่าพวกเขาคือผู้ทรงอำนาจที่ใครแตะต้องไม่ได้เอาเสียเลย  แต่ผู้นำก่อนหน้านายสีคือนายหู จินเทา ผู้นำซึ่งระมัดระวังตัวก็ไม่สามารถสร้างบารมีจึงไม่ได้รับตำแหน่งเช่นนั้น

“การแต่งตั้งอย่างเป็นทางการให้นายสี จิ้นผิง เป็นแกนนำนั้นเป็นเรื่องสำคัญ” นายหนี หุยหัว ศาสตราจารย์ประจำสถาบันแห่งชาติแห่งการพัฒนาและกลยุทธ์ของมหาวิทยาลัยเหรินหมินในกรุงปักกิ่งกล่าวในบทสัมภาษณ์ “การยกสถานะของนายสีจะช่วยให้ความพยายามของเขาในการทำความสะอาดพรรคภายหลังจากการมีวินัยย่อหย่อนมาหลายปี” เขากล่าว

“แนวคิดเรื่องแกนนำเช่นนี้จะช่วยพัฒนาการควบคุมบริหารภายในพรรคและการต่อสู้การทุจริตคอรัปชั่น” ศาสตราจารย์หนี กล่าว

คณะกรรมการกลางก็ยังจัดการวางแผนสำหรับการประชุมของพรรคในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า ซึ่งแทบจะเป็นที่แน่ชัดว่าเพื่อตอกย้ำนายสีในฐานะเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศเป็นเวลาอีก 5 ปีและยังแต่งตั้งบรรดาเจ้าหน้าที่กลุ่มใหม่ ๆ ซึ่งอยู่ใต้อิทธิพลของเขา

ระหว่างการประชุมของพรรค  ผู้นำจำนวนมากก็ต้องเกษียณตัวเองไป อันเป็นการเปิดโอกาสให้นายสีสามารถแต่งตั้งโยกย้ายผู้นำระดับสูง ภายใต้เพดานของการเกษียณตัวเองอย่างไม่เป็นทางการ  สมาชิกจำนวน 5 ใน 7 คน  ของคณะกรรมการประจำกรมการเมือง ซึ่งเป็นองค์กรสูงสุดของพรรคจะต้องลงจากตำแหน่ง โดยปล่อยให้นายสีและนายกรัฐมนตรี คือ นายหลี่ เค่อเฉียง อยู่ต่อไป

การตั้งให้นายสีเป็นผู้นำแกนหลัก บ่งบอกว่าเขามีความได้เปรียบเพื่อเตรียมรับมือกับปีที่อาจเต็มไปด้วยการแก่งแย่งกัน เมื่อเขาและผู้นำคนอื่นๆ จะตัดสินใจในการเลือกกลุ่มผู้นำรุ่นใหม่

ในการสืบทอดผู้นำ 2 ท่านที่ผ่านมา ทายาทตัวเต็งจะปรากฎตัวขึ้นในเวลา 5 หรือ 10 ปี ก่อนผู้ดำรงตำแหน่งจะเกษียณตัวเองไปจากการเป็นผู้นำสูงสุดของพรรค  แต่วงในและนักวิเคราะห์ทางการเมืองกล่าวว่านายสี อาจชะลอการเลือกผู้สืบทอดตำแหน่งเพื่อที่ว่าเขาจะมีตัวเลือกมากขึ้นและรักษาอิทธิพลของตัวเองไว้

การยกสถานะของนายสี “ได้แสดงให้บรรดาสมาชิกในพรรคเห็นว่าเขานั้นมีความปรารถนาในการเพิกเฉยต่อจารีตแบบหลอก ๆ ในอดีต ซึ่งมีผลอันใหญ่หลวงต่อการแต่งตั้งผู้บริหารพรรคในฤดูใบไม้ร่วงคราวหน้า”  เมื่อการประชุมของพรรคอาจจะมีขึ้น  ตามความเห็นของนายคริสโตเฟอร์ เค จอห์นสัน ผู้เชี่ยวชาญการเมืองจีนที่ศูนย์เพื่อการศึกษากลยุทธ์และการเมืองระหว่างประเทศที่กรุงวอชิงตันกล่าว มัน“ยืนยันว่าเขาไม่ใช่ผู้เป็น “เอกท่ามกลางพรรคพวก” (มาจากคำว่า first among equals ซึ่งความหมายทางการเมืองหมายถึงผู้มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการเท่ากับสมาชิกคนอื่น แต่มีอำนาจมากกว่าคนเหล่านั้นอยู่พอสมควร อย่างเช่นนายกรัฐมนตรีกับคณะรัฐมนตรีของอังกฤษ  ในการเมืองของจีนยุคหลังเหมา และเติ้ง ผู้นำทางการเมืองของจีนควรมีอำนาจที่ไม่ห่างกันมาก เพื่อเป็นการถ่วงดุลอำนาจทางการเมืองไม่ให้เกิดทรราชอย่างเช่นเหมา –ผู้แปล) แต่เป็นผู้อยู่แถวหน้าสุด”

แต่คำประกาศของคณะกรรมการกลางยังได้บอกเป็นนัยว่านายสีเคารพความต้องการต่อกลุ่มผู้นำซึ่งมาจากพื้นฐานที่แตกต่างกัน  สมาชิกพรรคควรได้รับการเลื่อนฐานะจาก “ทั่ว 5 ทะเลสาบ และ 4 มหาสมุทร”  คำประกาศร่วมของการประชุมได้กล่าวไว้ โดยใช้วลีจีนโบราณต่อพื้นฐานอันหลากหลายของผู้นำ

สาเหตุที่ว่านายสีได้ตำแหน่งแกนนำอย่างไร อาจจะไม่ได้เป็นที่รู้กันเป็นเวลาอันยาวนาน เพราะการเมืองที่อิงอยู่กับชนชั้นนำของพรรคนั้น มีความลึกลับยิ่ง และภายใต้การนำของนายสีก็ยิ่งลับเข้าไปอีก

แต่นายสีและพันธมิตรดูเหมือนได้ระดมกำลังในการวางกลยุทธ์ซึ่งปลูกฝังความคิดในการทำให้เขากลายเป็น “แกนนำ” และยังเห็นว่ามันเป็นการทดสอบที่สำคัญสำหรับความภักดีของสมาชิก พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับตำแหน่งนี้ตั้งแต่ต้นปี เมื่อผู้นำท้องถิ่นหลายสิบคนได้ยกย่องนายสีให้เป็นผู้นำแกนหลักด้วยท่าทียกยอปอปั้นร่วมกัน

เมื่อไม่นานมานี้ เจ้าหน้าที่ของรัฐบางคนรื้อฟื้นการรณรงค์ในการยกย่องและการเรียกร้องให้มี “ความภักดีอย่างสุดจิตสุดใจ” ต่อนายสีและเข้าปกป้อง “อำนาจโดยเด็ดขาด” ของเขาในฐานะผู้นำ อาทิตย์นี้ พีเพิลส์ฟอรั่มซึ่งเป็นนิตยสารของพรรคคอมมิวนิสต์กล่าวว่า “มีความคาดหวังอย่างสูงต่อนิยามที่ลึกซึ้งกว่าเดิมต่อสถานะการเป็นแกนหลักของเลขาธิการสี จิ้นผิง  นายหลี่ หงฉ่ง ผู้เมื่อไม่นานมานี้ได้รับการแต่งตั้งโดยนายสีเพื่อเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเมืองเทียนจิน ซึ่งเป็นเมืองท่าตอนเหนือที่สำคัญได้มีความกระตือรือร้นอย่างยิ่งในการยกย่องท่านผู้นำ   

“แกนนำของศูนย์กลางพรรค คือ ท่านเลขาธิการสี จิ้นผิง” นายหลีประกาศในหนังสือพิมพ์ เทียนจิน เดลลี ก่อนคำประกาศของกรรมการกลางเสียอีก “การปกป้องแกนนำและอำนาจของแกนนำคือความสนใจสูงสุดของทั้งพรรค ทั้งประเทศ และชาติ”  

แต่แม้คำยกย่องนั้นก็ยังขาดการอนุญาตอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการกลางซึ่งจัดการประชุมที่โรงแรมสไตล์โซเวียต ซึ่งเปิดบริการในปี 1964  ณ ที่นั้น นายสียังได้การยอมรับให้วางระเบียบใหม่ 2 ชุด อันเกี่ยวกับชีวิตทางการเมืองของพรรค (คำนี้มาจาก political life ซึ่งหมายถึงความสัมพันธ์และกิจกรรมทางการเมืองของพรรค –ผู้แปล) และการควบคุมบริหาร ซึ่งจะช่วยมอบอำนาจในการลดทอนการทุจริตคอรัปชั่น และยังช่วยเพิ่มอำนาจจากข้างบนเหนือเจ้าหน้าที่และขยายอิทธิพลของพรรค

“วิธีการของบรรดาผู้นำส่วนกลางของพรรค คือ การรักษาความกดดันอย่างสูงจากระดับบนสู่ล่าง” ศาสตราจารย์หนี แห่งมหาวิทยาลัยเหรินหมินกล่าว “และคุณต้องมีแกนหลักในการทำให้มันเกิดขึ้นได้”

0000

 

หมายเหตุ: แปลจากบทความของ คริส บักเลย์ จากเว็บไซต์นิวยอร์กไทมส์ชื่อภาษาอังกฤษคือ  China’s Communist Party Declares Xi Jinping ‘Core’ Leader  (พรรคคอมมิวนิสต์ประกาศให้นายสี จิ้นผิง เป็นผู้นำ “แกนหลัก”) 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net