รมว.พาณิชย์ เซ็นคำสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหายขายข้าวจีทูจีแล้ว

19 ก.ย. 2559 ฐานเศรษฐกิจ รายงานว่า อภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วันนี้ (19 ก.ย.59) ตนได้เซ็นหนังสือคำสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหายในคดีขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี จากอดีตนักการเมืองและข้าราชการรวม 6 คน โดยในหนังสือดังกล่าวได้มีการลงนามร่วมกัน 2 คน คือนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้มอบหมายให้ อภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่ากากระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้ลงนามแทน และในส่วนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ คือ ชุติมา บุญยประภัศร เป็นผู้ลงนามแทน  โดยหลังจากนี้จะมีการส่งหนังสือไปยังนักการเมืองและข้าราชการทั้ง 6 คน เพื่อให้ตอบกลับภายใน 30 วัน หากครบ 30 วันแล้วยังไม่มีการตอบกลับ จะมีการส่งหนังสือแจ้งเตือนอีก 15 วัน ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนของกรมบังคับคดีต่อไป

สำหรับการเรียกค่าเสียหาย ขายข้าวจีทูจีนักการเมือง-ข้าราชการ ประกอบด้วย บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มูลค่า 1,770 ล้านบาท ,ภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ มูลค่า 2,300 ล้านบาท  ส่วนข้าราชการ ประกอบด้วย พ.ต.น.พ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการรัฐมนตรี, มนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ,ทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ,อัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ ต้องจ่ายคนละ 4,000 ล้านบาท  รวม 20,000 ล้านบาท

บุญทรง ชี้ใช้ ม.44 ผิดปกติและความไม่เป็นธรรม

วันเดียวกัน บุญทรง โพสต์บทความ 'ความถูกต้องและเป็นธรรม' ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ 'Boonsong Teriyapirom'  โดย บุญทรง ระบุว่า ​ตามที่ ตนได้ถูกกล่าวหาเป็นคดีอาญา โดยพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องตนและผู้ที่เกี่ยวข้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขณะนี้นั้นคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลโดยอยู่ในขั้นตอนของการไต่สวนพยานโจทก์ ซึ่งในส่วนนี้ตนขอยืนยันว่าการดำเนินการระบายข้าวเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบแบบแผนที่ปฏิบัติโดยถูกต้องต่อมาได้มีข่าวตามสื่อแขนงต่างๆว่าจะมีการใช้คำสั่งโดยอาศัยอำนาจตาม มาตรา 44 ออกคำสั่งพิเศษเพื่อให้ตนชดใช้ค่าเสียหายและตลอดถึงการยึดทรัพย์ ซึ่งทำให้ตนเห็นความผิดปกติและความไม่เป็นธรรมในการออกคำสั่ง

ซึ่ง บุญทรง ให้เหตุผลต่อว่า 1.คดีที่ตนถูกฟ้องร้องอยู่ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล แต่กลับมีความเร่งรีบ รวบรัด ให้มีการเตรียมการยึดทรัพย์ของตนและผู้ที่เกี่ยวข้อง แทนที่จะให้ความเป็นธรรมกับตน โดยนำคดีขึ้นสู่ศาลเพื่อให้ตนต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ดังที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ดำเนินการอยู่ ดีกว่าการใช้อำนาจพิเศษตามที่รัฐบาลซึ่งมาจากการรัฐประหารกำลังใช้อยู่ในขณะนี้ จะสง่างามกว่า ทั้งที่โดยหลักและเจตนารมณ์ของกฎหมายเกี่ยวกับกรณีทางแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ในการที่จะวินิจฉัยข้อเท็จจริงในทางแพ่งจะต้องยึดเอาตามข้อเท็จจริงที่ได้จากคดีอาญา ดังนั้น เมื่อยังไม่มีคำพิพากษาของศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตนจึงเห็นว่าไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งที่จะใช้อำนาจทางการบริหารแทนอำนาจของศาลเพื่อยึดทรัพย์ของตน

2. ในส่วนเรื่องค่าเสียหายที่จะใช้คำสั่งเพื่อยึดทรัพย์นั้น ในกรณีนี้ตนเห็นว่า กรณีตัวเลขความเสียหายดังกล่าวเป็นตัวเลขที่ไม่ชัดเจนว่าได้มีความเสียหายเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เป็นเงินจำนวนเท่าไร เพราะคดีอาญายังไม่เสร็จสิ้น และเป็นการลัดขั้นตอน

3. ผู้ที่จะลงชื่อในคำสั่งบังคับทางปกครองเป็นอำนาจหน้าที่ของใคร ในประเด็นนี้ตนทราบว่า มีการถกเถียงหารือว่าใครจะเป็นผู้ลงชื่อในเอกสารคำสั่งบังคับทางปกครอง ทั้งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และปลัดกระทรวง หรือว่าคำสั่งบังคับทางปกครองนี้มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เป็นเผือกร้อน มีพิรุธ ทุกคนที่มีอำนาจหน้าที่ต่างหลีกเลี่ยงที่จะลงนาม หรือเกรงกลัวว่าจะเป็นเหมือนข้าราชการคนก่อนๆที่กระทำตามหน้าที่ตามนโยบายของรัฐบาลแต่กลับถูกดำเนินคดีอยู่ในปัจจุบัน

บุญทรง กล่าวด้วยว่า ตนขอแจ้งไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายว่า การนำมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวมาใช้บังคับเกี่ยวกับกรณีคำสั่งบังคับคดีเพื่อยึดทรัพย์ แม้ว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีสามารถที่จะใช้คำสั่งมาตรา 44 สั่งมาให้หน่วยงานต่างๆทำการยึดทรัพย์โดยให้มีผลคุ้มครองเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติให้ไม่มีความผิด แต่ต้องอย่าลืมว่าสิ่งที่ปฏิบัตินั้นต้องเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะโดยความเป็นจริงแล้ว หากดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาไม่มีการกลั่นแกล้งกันหรือกระทำในสิ่งที่ไม่มีกฏหมายรองรับ ก็ไม่เห็นจะต้องมีมาตรา 44 มาให้ความคุ้มครองอยู่แล้ว ซึ่งตรงนี้ใช่หรือไม่ที่ทำให้เจ้าหน้าที่ที่เป็นฝ่ายปฏิบัติเกรงกลัว เพราะทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่าไม่สามารถดำเนินการได้ หรือคำสั่งบังคับทางปกครองนี้ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง ไม่อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงและความเป็นจริงและเป็นการบิดเบือนเจตนารมณ์ของกฏหมาย แต่เป็นเรื่องที่จะล้มล้างกันในทางการเมืองให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องดับสูญสิ้นไป ดังคำพูดหลุดจากปากนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ว่า "พี่ไม่ใช่นักการเมือง"

"กระผมยืนยันว่าในกรณีคำสั่งโดยใช้อำนาจตาม มาตรา 44 เป็นการดำเนินการไม่ถูกต้องตามกฎหมาย กระผมขอยืนยันว่ากระผมจะดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีกับทุกคนที่เกี่ยวข้องจนกว่าจะถึงที่สุด แม้นว่าจะต้องไปต่อสู้กันในศาลกี่ศาลก็ตาม หากไม่เช่นนั้นก็อย่าไปมีกฎหมายอะไรให้มากเรื่อง ใช้ ม. 44 บริหารและปกครองบ้านเมืองนี้ไปเสียเลยครับ" บุญทรง กล่าว

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท