Skip to main content
sharethis

เมื่อวันที่ 16 ก.ย. ที่ผ่านมา อภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงความคืบหน้าการเรียกร้องความเสียหายกรณีข้าวจีทูจี 4 สัญญา จำนวน 6.2 ล้านตัน มูลค่าความเสียหายกว่า 20,000 ล้านบาท จากผู้เกี่ยวข้องทั้งนักการเมืองและข้าราชการ รวม 6 ราย ล่าสุดได้รับหนังสือตอบกลับจากนายกรัฐมนตรีให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มอบอำนาจให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามคำสั่งทางปกครองในการเรียกค่าเสียหายดังกล่าว โดยกระทรวงพาณิชย์ดูแลในส่วนกรณีเรียกร้องค่าเสียหายทุจริตจีทูจี 

“กรณีมอบอำนาจให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในคำสั่งเรียกร้องค่าเสียหายต้องบอกก่อนว่า พี่ไม่ใช่นักการเมือง แต่มาปฏิบัติหน้าที่ในส่วนที่มีความเชี่ยวชาญและทำงานอย่างตรงไปตรงมา เรื่องนี้ต้องลงรายละเอียดเยอะและเป็นเรื่องซับซ้อน และต้องใช้เวลาในการทำงานให้รอบคอบ ไม่ตั้งใจที่จะกลั่นแกล้งและลงโทษใคร ทุกอย่างเป็นไปตามเนื้อผ้า เรื่องนี้ได้หารือนายกรัฐมนตรีและเป็นการกระทำที่ดำเนินการตามกระบวนการ” อภิรดี กล่าว 

ทั้งนี้ หากมีการลงนามในคำสั่งเรียกค่าเสียหายแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะต้องแจ้งไปยังผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 6 รายรับทราบและภายใน 30 วัน หากผู้ถูกกล่าวหายังเพิกเฉยหรือไม่มีการโต้แย้งจะส่งหนังสือแจ้งเตือนรอบที่ 2 ซึ่งมีระยะเวลา 15 วัน ต่อจากนั้นจะส่งสรุปไปยังกรมบังคับคดี เพื่อดำเนินการยึดทรัพย์ แต่ยืนยันว่าการเรียกค่าเสียหายดังกล่าวจะทันก่อนหมดอายุความเดือนกุมภาพันธ์ 2560 แน่นอน 

ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้ในกระทรวงพาณิชย์มีทีมกฎหมายดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ หลังจากปลัดกระทรวงพาณิชย์ลงนามฝ่ายกฎหมายจะทำหนังสือถึงนักการเมืองและข้าราชการทั้ง 6 รายรับทราบ หากมีข้อโต้แย้งผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 6 ราย ต้องยื่นเรื่องไปที่ศาลปกครองและเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย 

ว่าที่ปลัดพาณิชย์ บอกจะให้เซ็นต้องรอบคอบ

วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน ว่าที่ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า แม้ว่าตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป จะเข้ารับตำแหน่ง แต่เรื่องการฟ้องร้องค่าเสียหายข้าวจีทูจีไม่ได้เป็นผู้ดำเนินการมาตั้งแต่ต้น จึงไม่ได้รับรู้รายละเอียด ดังนั้น หากต้องเข้าไปดูแลคงต้องเข้าไปดูในรายละเอียดในช่วงที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร และขั้นตอนของการทำงาน ซึ่งที่ผ่านมาปลัดกระทรวงพาณิชย์คนปัจจุบันและทีมงานของกรมการค้าต่างประเทศดำเนินการเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว 

“หากจะให้ต้องเป็นผู้ลงนามในคำสั่งฟ้อง ต้องมีเหตุผลและอธิบายได้ รวมถึงที่มาที่ไปว่าเป็นเพราะเหตุใด การจะเซ็นอะไรต้องดูอย่างรอบคอบ ไม่ใช่ใครตั้งมาและให้ลงนามก็ไม่ใช่ว่าจะต้องดำเนินการทันที เพราะทุกอย่างมีขั้นตอนและกระบวนการ ส่วนตัวเชื่อและมั่นใจว่าปลัดกระทรวงคนปัจจุบันดูแลเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นและมุ่งมั่นแก้ไขปัญหามาโดยตลอด เป็นผู้รู้เรื่องจริง ก็ไม่น่าจะมีการบังคับให้ลงนาม” วิบูลย์ลักษณ์ กล่าว

วิษณุยันไม่มียืดอายุคดีจำนำข้าว

ขณะที่ วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีการแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2559 เรื่องของอายุความที่มองว่าจะส่งผลต่อคดีโครงการรับจำนำข้าวว่า ยืนยันการปรับแก้ไม่เกี่ยวกับคดีจำนำข้าวแม้แต่นิดเดียว ไม่เป็นคุณและไม่เป็นโทษ ได้เห็นการชี้แจงของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ใครอ่านก็ต้องงง ที่จะเกิดความรู้สึกว่าเป็นการขยายหรือลดอายุความ
 
“อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครจะปล่อยเรื่องที่ส่งผลต่อคดีจำนำข้าวออกมาเด็ดขาดในช่วงนี้ เรื่องนี้จะชี้แจงรายละเอียดอีกครั้ง เพราะการจะพูดเรื่องของอายุความต้องนำไปเปรียบเทียบกับส่วนต่างๆ ด้วย ส่วนที่กระทรวงการคลังจะส่งตัวเลขความเสียหายจำนำข้าวมานั้น ขณะนี้ยังไม่มีการส่งมา” วิษณุ กล่าว

ทนายยิ่งลักษณ์ระบุใช้ม.44 ยึดทรัพย์ มีลักษณะบังคับใช้เจาะจง

ด้าน นรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวถึงกรณีใช้มาตรา 44 ออกคำสั่งให้อำนาจกรมบังคับคดียึดทรัพย์ในความรับผิดทางละเมิดโครงการรับจำนำข้าวว่า บางข้อความในคำสั่งดังกล่าวมีลักษณะชี้นำหรือไม่ อย่างเช่นที่ระบุว่า “เพื่อระงับยับยั้งมิให้เกิดความเสียหายแก่รัฐเพิ่มขึ้น” ซึ่งข้อความดังกล่าวทำให้เข้าใจได้ว่าเกิดความเสียหายขึ้นแล้ว ทั้งที่เรื่องดังกล่าวยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาอีกหลายขั้นตอน หากออกคำสั่งหลังศาลตัดสินแล้ว จะเหมาะสมกว่า
 
นรวิชญ์ กล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวมีลักษณะบังคับใช้เจาะจง ไม่ได้มีสภาพบังคับใช้ทั่วไป คำสั่งดังกล่าวถือเป็นกฎหมาย หลักการออกกฎหมายควรบังคับใช้เป็นการทั่วไป และต้องเกิดประโยชน์ต่อสาธารณะ ไม่ควรบังคับใช้หรือเจาะจงกับใครคนใดคนหนึ่ง นอกจากนี้ คำสั่งดังกล่าวออกมาเพื่อคุ้มครองการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ถามว่าหากเจ้าหน้าที่กระทำการด้วยความสุจริต ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกคำสั่งมาเพื่อคุ้มครอง ดังนั้น การออกคำสั่งคุ้มครองเจ้าหน้าที่แบบนี้ มีนัยสำคัญอะไรหรือไม่

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ และมติชนออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net