Skip to main content
sharethis

31 ส.ค. 2559 มูลนิธิผสานวัฒนธรรม รายงานว่า เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่ผ่านมา เวลา 14.00 น. ศาลจังหวัดปัตตานีได้ออกนั่งพิจารณาคดีหมายเลขดำที่ ช.6/2559 คดีระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดปัตตานี ผู้ร้อง อับดุลลายิบ ดอเลาะ ผู้ตาย  และ กูรอสเมาะ ตูแวบือซา ผู้ร้องซักถาม (ไต่สวนการตาย) โดยไต่สวนพยานฝ่ายผู้ร้องซักถามได้ 1 ปาก คือ กูรอสเมาะ ตูแวบือซา ภรรยาผู้ตาย

กูรอสเมาะ ภรรยาของอับดุลลายิบ(ผู้ตาย) เบิกความต่อศาลระบุถึงความสงสัยเป็นอย่างยิ่งในสาเหตุที่ทำให้สามีเสียชีวิตระหว่างถูกทหารควบคุมที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร ทั้งๆ ที่ก่อนถูกควบคุมตัวไปสามีสุขภาพแข็งแรง อีกทั้งระหว่างที่ตนไปเยี่ยม สามีได้มีคำพูดและอากัปกริยาของผิดปกติ เป็นสัญญาบ่งบอกถึงการถูกทำร้ายและอาจไม่มีชีวิตรอด 

โดย กูรอสเมาะ ให้การต่อศาล ความว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 58 เวลาประมาณ 01.00 น. สามีถูกเจ้าหน้าที่ทหารมาควบคุมตัวไปจากบ้าน  ระหว่างที่ถูกควบคุมตัวที่ค่ายอิงคยุทธบริหารนั้นตนได้ไปเยี่ยมสามีทุกวันจนถึงวันที่ 3 ธ.ค. 58 แม้บางวันจะไม่ได้พบปะคุยกัน แต่ก็ยังได้เห็นหน้า ระหว่างที่ไปเยี่ยมนั้น บางวันเจ้าหน้าที่ไม่ให้เยี่ยมสามี แต่ตนเห็นสามีอยู่ในรถที่มีลูกกรง เจ้าหน้าที่อนุญาตให้สามีลงมาเจอสลามกับลูกและเอาอาหารเพียง 3 นาที ตนสังเกตว่าสามีมีอาการตัวสั่นๆ สามีพูดกับลูกๆว่าให้ละหมาดขอพรให้พ่อกลับบ้านเร็วๆด้วยเท่านั้น ไม่พูดอย่างอื่นเลย  ระหว่างนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ทหารเฝ้าอยู่  ตนจึงสอบถามว่าทำไมไม่ให้เยี่ยมสามี เจ้าหน้าที่บอกว่าสามีไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ จึงถูกทำโทษโดยการไม่ให้ญาติเยี่ยม สามีไม่สามารถพูดหรือบอกอะไรได้ เพราะมีเจ้าหน้าที่เฝ้าอยู่โดยรอบ ประมาณ 10 วันผ่านไปที่ตนไปเยี่ยมสามี ตนสังเกตว่าสามีมีร่างกายอ่อนเพลีย อ่อนล้า ตนลองจับสัมผัสตามที่มือและแขนของสามี ตนรู้สึกว่ามือและแขนสามีเป็นเนื้อแข็งๆ และเย็น ตนรู้สึกความผิดปกติ เพราะปกติเวลาที่ตนสัมผัสจับมือสามีเนื้อจะนิ่มๆ ตนจึงสอบถามว่าถูกทำร้ายไหม สามีบอกว่า ก็โดนมาบ้าง ตนจะเปิดเสื้อสามีเพื่อดูร่องรอยตามร่างกาย แต่ถูกสามีสะบัดมือทิ้ง เพราะมีเจ้าหน้าที่เฝ้าอยู่ ก่อนสามีเสียชีวิตสองวัน ที่ตนไปเยี่ยม สามีได้บอกว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารจาก ฉก. มาแจ้งข้อหาเพิ่ม  ตนสังเกตเห็นว่าสามีมีอาการเครียดมาก จึงถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง สามีตอบเพียงว่า ม๊ะไม่ต้องถามแล้วว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพราะเขาทำเหมือนกับจะให้เราตายอยู่ตรงนั้นเลย สามีไม่พูดอะไรต่อเลย เพราะมีเจ้าหน้าที่เฝ้าอยู่ และก่อนเสียชีวิตหนึ่งวันคือวันที่ 3 ธันวาคม 2558 ตนไปเยี่ยมสามีพร้อมลูกๆ สามีไม่ได้พูดอะไรเลย พูดแต่เพียงว่า ให้ลูกๆ ละหมาดฮายัต ขอพรให้อาเยาะห์ได้ออกไปกลับบ้านเร็วๆ ด้วย

ต่อมาวันที่ 4 ธ.ค. 58 เวลา 07.00 น. มีเจ้าหน้าที่ทหารมาที่บ้าน บอกว่าให้ไปรับสามีกลับบ้าน ตนเดินทางไปที่ค่ายเพื่อรับสามีกลับบ้าน เมื่อไปที่ค่ายทหาร ผู้ใหญ่บ้านได้แจ้งว่าสามีตนเสียชีวิตแล้ว และให้ตนเข้าไปดูศพสามีได้ แต่ต้องดูห่างๆ ห้ามเข้าไปกอด จับ ตามร่างกาย เพราะต้องทำการชันสูตรพลิกศพ  ตนสังเกตเห็นความผิดปกติ คือ ท่านอนขณะที่เสียชีวิตของสามี ในท่านอนหงาย  ตาปิดไม่สนิท มือแข็ง คัมภีร์ตกข้างล่างซึ่งปกติสามีจะไม่วางคัมภีร์ที่พื้นจะถือไว้เสมอ ระยะเวลาที่ตายน่าจะไม่เสียชีวิตหลังละหมาดซุบฮี  เพราะสังเกตจากการแข็งตัวของมือและเท้าของสามีที่ผิดปกติ และสังเกตขณะที่แพทย์พลิกศพสามี  ผ้าพรมปูละหมาดที่เรียบดึง ไม่ยับ หากมีการทำละหมาดผ้าต้องยับ สวมเสื้อสองชั้น ทั้ง ๆ ที่ปกติเวลานอนหรือละหมาดสามีจะสวมเสื้อชั้นเดียว สามีจะสวมสองชั้นเฉพาะเวลาที่หนาวมากหรือหน้าฝน ขณะชันสูตรตนสังเกตเห็นมีน้ำใสที่อวัยวะเพศสามี เมื่อเสร็จสิ้นการชันสูตรฯ  แพทย์ฯแจ้งว่า ไม่ทราบสาเหตุการตายของสามี  ซึ่งสามีตนมีสุขภาพแข็งแรง ไม่เคยเจ็บป่วยมาก่อน ตนจึงได้อนุญาตให้นำศพสามีไปผ่าชันสูตรฯ ต่อที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ. หาดใหญ่) แต่ไม่ยินยอมให้ผ่าศพสามี

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม รายงานด้วยว่า ศาลจังหวัดปัตตานีนัดไต่สวนพยานครั้งต่อไปในวันที่ 11 ต.ค. นี้ เวลา 09.00-16.00 น.  ซึ่งยังคงเหลือพยานที่จะไต่สวนอีก 6 ปาก ได้แก่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายซักถาม ค่ายอิงคยุทธบริหาร 2 ปาก  คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ 2 ปาก และพยานที่เป็นชาวบ้าน 2 ปาก  

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net