เครือข่ายผู้ติดเชื้อฯ ยื่นค้านคำขอสิทธิบัตรยาไวรัสตับซีเม็ดละ 30,000

30 ส.ค. 2559  เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย รายงานว่า เมื่อเวลา 9.30 น. ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ตัวแทนเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทยและมูลนิธิเข้าถึงเอดส์เข้ายื่นคำคัดค้านคำขอรับสิทธิบัตรของยาโซฟอสบูเวียร์ ยารักษาโรคไวรัสตับอักเสบซี ที่มีราคาแพงกว่า 2.5 ล้านบาทต่อการรักษาหนึ่งคนในสหรัฐฯ โดยหวังพึ่งกฎหมายสิทธิบัตรปลดล็อคการผูกขาดตลาด เปิดโอกาสให้องค์การเภสัชกรรมและบริษัทยาชื่อสามัญรายอื่นสามารถผลิตยาและขายได้ในราคาที่เป็นธรรม และมียาดังกล่าวอยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพของประเทศ

ตัวแทนของทั้งสององค์กรได้ใช้มาตรการคัดค้านก่อนได้รับสิทธิบัตร ตามมาตรา 31 ของ พ.ร.บ. สิทธิบัตร ขอใช้สิทธิคัดค้านคำขอรับสิทธิบัตรยาโซฟอสบูเวียร์ เลขที่ 0801001634 ที่ยื่นขอรับสิทธิบัตรในไทยโดยบริษัทยาสัญชาติอเมริกัน ที่ใช้ชื่อว่ากลิลีด ฟาร์มาสเซ็ท แอลแอลซี หรือกิลิแอด ทั้งนี้ ทั้งสององค์กรได้ยื่นเอกสารคำคัดค้านและหลักฐานจำนวนมากกว่า 1,000 หน้าต่อเจ้าหน้าที่ของสำนักสิทธิบัตร กรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อให้สำนักสิทธิบัตรพิจารณา โดยหวังว่าทางสำนักฯจะไม่รับพิจารณาคำขอฯ ดังกล่าว

นิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า “ยาตัวนี้ไม่สมควรได้รับสิทธิบัตรเพราะไม่มีความใหม่และไม่มีนวัตกรรมที่สูงขึ้น  เรามีหลักฐานที่พบในต่างประเทศ 13 ชิ้นที่ชี้แจงได้ว่า โครงสร้างทางเคมีของยาและขั้นตอนการประดิษฐ์หรือการสังเคราะห์ยานี้ขึ้นมา ถูกค้นพบและทำในต่างประเทศมานานแล้ว และเป็นที่รู้กันทั่วไปในหมู่วิชาชีพเภสัชกรรมว่า เทคโนโลยีที่ใช้ในการประดิษฐ์หรือผลิตยาตัวนี้เป็นความรู้ทั่วไปที่เภสัชกรรู้อยู่แล้วและได้มีการตีพิมพ์เผยแพร่มาก่อนหน้านี้”

อนันต์ เมืองมูลไชย ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย ผู้ร่วมฟ้องคัดค้าน กล่าวเสริมว่า “เรายังพบความไม่โปร่งใสของการขอรับสิทธิบัตรในครั้งนี้ เพราะบริษัทที่มาขอรับสิทธิบัตรในประเทศไทยในวันที่ 28 มีนาคม 2551 นั้น ยังไม่ได้รับการโอนสิทธิจากผู้ประดิษฐ์ ซึ่งพบว่ามีการโอนสิทธิกันในภายหลังคือวันที่ 25 เมษายน 2551 จึงขัดต่อมาตรา 10 ของพระราชบัญญัติสิทธิบัตร ดังนั้นในวันที่ 28 มีนาคม 2551 นั้น บริษัทกิลีแอด ย่อมไม่มีสิทธิในการดำเนินการใดๆ เพราะไม่ได้เป็นเจ้าของสิ่งประดิษฐ์ดังกล่าว”

เฉลิมศักดิ์ กิตติตระกูล เจ้าหน้าที่รณรงค์เพื่อการเข้าถึงยา มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า “ไม่ได้มีเพียงประเทศไทยประเทศเดียวที่มีการยื่นคัดค้าน ยังมีการคัดค้านในจีนและรัสเซีย ซึ่งทั้งสองประเทศก็ปฏิเสธไม่ให้สิทธิบัตรกับยาตัวนี้ไปแล้ว  ในขณะที่ยุโรป อินเดีย ยูเครน บราซิล และอาร์เจนตินา ก็มีผู้คัดค้านและอยู่ในกระบวนการพิจารณา ในขณะที่ยาโซฟอสบูเวียร์เป็นยาสำคัญที่จะใช้รักษาโรคไวรัสตับอักเสบซีให้หายขาดได้โดยที่ผู้ป่วยไม่ต้องทนทุกข์กับผลข้างเคียงของยา แต่ยาตัวนี้ยังไม่อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพของไทย เพราะมีราคาแพงมาก”

“ปัจจุบัน เท่าที่เราค้นพบมีคำขอฯ ยาโซฟอสบูเวียร์ถึง 13 ฉบับ ผู้ยื่นฯ ละทิ้งคำขอไป 1 ฉบับ ยังไม่ประกาศโฆษณา 6 ฉบับ และประกาศโฆษณาแล้ว 6 ฉบับ ส่วนคำขอฯ ที่เราคัดค้านนั้นเป็น 1 ใน 6 ที่ประกาศโฆษณาแล้ว ซึ่งเราสามารถคัดค้านได้ทันภายใน 90 วันหลังประกาศโฆษณา ซึ่งนับว่าโชคดีมากที่พบคำขอนี้ เพราะระบบในปัจจุบันของกรมทรัพย์สินทางปัญญา ยังมีช่องว่าง ทั้งกำหนดเวลาคัดค้านที่มีจำกัดมาก ในขณะที่ระบบการค้นคำขอยังมีปัญหา” เฉลิมศักดิ์ กล่าวและว่า “หากคัดค้านคำขอฯ นี้สำเร็จ จะช่วยให้องค์การเภสัชกรรมและบริษัทยาอื่นพอมีช่องทางที่จะผลิตยาตัวเดียวกันและขายในราคาที่ถูกกว่าเป็น 100 เท่าได้ อย่างที่อินเดียผลิตและขายยานี้ได้ในราคาเพียงเม็ดละร้อยกว่าบาท ในขณะที่อเมริกาขายอยู่ที่เม็ดละ 30,000 บาท”

นิมิตร์ยังกล่าวอีกว่า “การคัดค้านก่อนการออกสิทธิบัตรที่อยู่ในมาตรา 31 ของพ.ร.บ.สิทธิบัตรมีความสำคัญ ที่ช่วยทำให้ระบบตรวจสอบสิทธิบัตรมีคุณภาพ แต่ที่ผ่านมามักคัดค้านไม่ทันเพราะเวลาจำกัดมากเพียง 90 วัน และต้องใช้การประมวลข้อมูลอย่างรอบด้านเพื่อให้การคัดค้านครบถ้วนสมบูรณ์  แต่เรากลับได้ระยะเวลาเท่ากับเวลาที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาให้แก่ผู้ขอรับสิทธิบัตรในการตอบโต้เอกสารแต่ละครั้ง ซึ่งหากมีการแก้ไขกฎหมายควรขยายเวลาคัดค้านจาก 90 วัน เป็น 1 ปี เพื่อให้ภาคส่วนต่างๆ สามารถร่วมให้ข้อมูลกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้มากขึ้น”

อนึ่ง ตามมาตรา 31 ของ พ.ร.บ.สิทธิบัตร เมื่อทั้งสององค์กรยื่นคำคัดค้านแล้ว สำนักสิทธิบัตรจะรับเรื่องและแจ้งให้ผู้ขอรับสิทธิบัตรทราบว่ามีผู้คัดค้าน และผู้ขอรับสิทธิบัตรจะมีเวลา 90 วันที่จะโต้แย้งคำคัดค้าน เมื่อสำนักสิทธิบัตรได้รับเอกสารทั้งหมดจากทั้งสองฝ่ายแล้ว จึงจะเริ่มกระบวนการพิจารณาและตัดสินว่าจะปฏิเสธคำขอรับสิทธิบัตรตามที่มีผู้คัดค้านหรือไม่

 

 

        มาตรา 31 เมื่อได้ประกาศโฆษณาตามมาตรา 28 แล้ว บุคคลใดเห็นว่าตนมีสิทธิรับสิทธิบัตรดีกว่าผู้ขอรับสิทธิบัตรหรือเห็นว่าคำขอรับสิทธิบัตรใดไม่ชอบด้วยมาตรา 5 มาตรา 9 มาตรา 10 มาตรา 11 หรือมาตรา 14 จะยื่นคำคัดค้านต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ได้ แต่ต้องยื่นภายในเก้าสิบวันนับแต่วันประกาศโฆษณาตามมาตรา 28

        เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับคำคัดค้านตามวรรคหนึ่ง ให้ส่งสำเนาคำคัดค้านไปยังผู้ขอรับสิทธิบัตร ให้ผู้ขอรับสิทธิบัตรยื่นคำโต้แย้งภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ผู้ขอรับสิทธิบัตรได้รับสำเนาคำคัดค้าน ถ้าผู้ขอรับสิทธิบัตรไม่ยื่นคำโต้แย้ง ให้ถือว่าละทิ้งคำขอรับสิทธิบัตร

        คำคัดค้านและคำโต้แย้งให้ยื่นพร้อมทั้งแสดงหลักฐาน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท