หลายสิ่งอย่างในโลกอาจมีการถูกแบ่งให้อยู่ตรงข้ามกัน เช่น รักกับเกลียดชัง ธรรมะกับอธรรม ขาวกับดำ กระทั่งความทรงจำกับการลืมเลือน และการอยู่ตรงข้ามกันนั้น มักก่อให้เกิดความเป็นกลุ่มเดียวกันคือ “พวกเรา” และสร้างความเป็นอื่นให้คนนอกกลุ่มกลายเป็น “พวกเขา” โดยปริยาย
เหตุการณ์วันที่ 6 ตุลาคม 2519 เกิดขึ้นก่อนผู้เขียนเกิดหนึ่งปี จึงไม่ได้อยู่ร่วมสมัยในเหตุการณ์ครั้งนั้น
การรับรู้เรื่องราวจึงต้องอาศัยการอ่านจากหนังสือนอกห้องเรียน เพราะมันไม่มีบรรจุไว้ในตำราของนักเรียน หากโตขึ้นมาและได้รับรู้เรื่องราว เหตุการณ์ก็คงต้องเข้ามหาวิทยาลัยที่สั่งสอนอบรมความรู้ทางด้านสังคมศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ดังนั้น ความทรงจำในเหตุการณ์ดังกล่าวจึงถูกจำกัดเฉพาะกลุ่มคน บางกลุ่ม บางพวกที่หากไม่สนใจศึกษาจริงๆ ก็อาจจะไม่เคยรู้เลยว่า วันนั้นเกิดเหตุการณ์เลวร้ายทางประวัติศาสตร์สังคม การเมืองไทยอย่างไรบ้าง และความทรงจำในเหตุการณ์ดังกล่าวจะมีขึ้นในกลุ่มคนที่ถูกกระทำความรุนแรงจากเหตุการณ์ในวันนั้นทั้งโดยตรงและโดยอ้อม โดยตรงคือผู้เข้าร่วมในเหตุการณ์ เป็นนักศึกษา ประชาชนที่ถูกล้อมปราบในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในวันนั้นและยังมีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้ โดยอ้อมคือเป็นเพื่อน เป็นญาติพี่น้องของกลุ่มคนที่ถูกรัฐกระทำความรุนแรงในวันนั้นจนเสียชีวิต หรือบาดเจ็บ ทุพพลภาพในปัจจุบันทั้งทางกายและใจ
กลุ่มคนเหล่านี้ในทัศนะของผู้เขียนคือผู้ที่เป็น “พวกเรา” ที่ไม่ลืมเหตุการณ์ที่รัฐกระทำความรุนแรงต่อประชาชนที่มีความคิดเห็นแตกต่าง “พวกเรา” จึงไม่ได้มีเฉพาะผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์โดยตรง แต่ยังหมายรวมถึงกลุ่มคนที่สนใจศึกษาความเป็นมา เป็นไปของเหตุการณ์ดังกล่าวเพื่อเป็นบทเรียนไม่ให้เกิดความเลวร้ายเช่นนี้อีกในปัจจุบัน รวมถึงผู้ที่มีจิตใจรักความเป็นธรรม ไม่ชอบการใช้ความรุนแรงตัดสินแก้ไขปัญหาในสังคม
“พวกเรา” ที่ไม่เคยลืม เหตุการณ์ความรุนแรงในวันนั้น จึงตรงกันข้ามกับ “พวกเขา” ซึ่งก็คือ ผู้กระทำความรุนแรงในวันนั้น และกระทั่งผู้ที่สืบทอดอำนาจในยุคต่อ ๆ มา ซึ่งคือผู้ที่พยายามจะลืมและแทบจะไม่เคยจริงจังชำระเหตุการณ์ในวันนั้น และบันทึกลงในแบบเรียนประวัติศาสตร์
เหตุการณ์ผ่านมาถึง 40 ปี ในปีพ.ศ. 2559 หลายสิ่ง หลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ถูกบันทึกเพียงในเว็บไซต์ ในหนังสือของกลุ่มคนบางกลุ่มที่เป็นนักวิชาการทางด้านประวัติศาสตร์หัวก้าวหน้า ที่อุทิศตนขยายพื้นที่ความทรงจำให้เกิดขึ้น แก่ “พวกเรา” มากขึ้น ทว่ากลไกของ “พวกเขา” ที่พยายามจะลืมเหตุการณ์ดังกล่าว ยังคงเข้มแข็งไม่เคยมีการบันทึกไว้ในตำราเรียนเล่มใด ก็ยังคงเป็นแบบนั้นมาจนทุกวันนี้
ความเป็นเราและเขาที่กล่าวไปทั้งหมด ไม่ได้มีเจตนาจะสร้างความแตกแยกระหว่างคนสองกลุ่มในสังคมไทย เพียงแค่ชี้ให้เห็นว่า “พวกเรา” ที่ยังคงจดจำเหตุการณ์ในวันนั้น กระทำไปเพื่อไม่อยากให้เกิดรอยด่างซ้ำซากของสังคม หรือบาดแผลของสังคม และทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่ออยากให้ “พวกเขา” เห็นถึงคุณค่าของการเรียนรู้ประวัติศาสตร์สังคม เพื่อที่ “พวกเขา” จะได้ไม่กระทำความรุนแรงต่อประชาชนของ “พวกเขา” อีก ... ทว่า... ยากเย็นเสียเหลือเกิน เพราะวงล้อประวัติศาสตร์หมุนมาสี่สิบปี ระหว่างทาง เรายังพบเจอทั้งพฤษภา 35 พฤษภา 53 ซึ่งทำให้ต้องเสียเลือดเนื้อ ชีวิตของประชาชนอยู่เช่นเคย