16 ส.ค. 2559 จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า การเปิดให้เอกชนที่จะลงทุนพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นนิคมอุตสาหกรรม อาจต้องเสนอให้ใช้อำนาจนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 44 เนื่องจากกฎหมายปัจจุบันไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะเป็นสิทธิ์การเช่า ไม่สามารถนำไปให้เช่าต่อได้ 

จักรกฤศฏิ์ กล่าวว่า รับรายงานเบื้องต้นว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ส่งหนังสือมายังกรมถึงกรณีกฎหมายเอกชนเกี่ยวข้องหากเอกชนนำพื้นที่ที่พัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจพิเศษเปิดให้เช่าทำได้หรือไม่ ซึ่ง กนอ.ระบุว่าขัดต่อกฎหมายของ กนอ. ดังนั้นหากได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการมาแล้ว คงต้องนำเข้าหารือกับคณะกรรมการที่พิจารณาเรื่องนี้ ก่อนเสนอไปยังคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน

“คงต้องมีการเสนอใช้ ม.44 เพื่อให้การดำเนินงานของเอกชนในเรื่องนิคมอุตสาหกรรม สามารถทำได้ ก่อนหน้านี้มีการใช้ ม.44 เพื่อสนับสนุนให้เกิดเขตเศรษฐกิจพิเศษไปแล้วหลายเรื่อง อาทิ ในเรื่องผังเมือง เพิกถอนสภาพป่าสงวนแห่งชาติ ป่าไม้ถาวร ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) และที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินให้เป็นที่ราชพัสดุ ไปแล้ว” จักรกฤศฎิ์กล่าว

จักรกฤศฎิ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้กรมกรมธนารักษ์เปิดให้เอกชนมาประมูลใน 3 พื้นที่ราชพัสดุเพื่อพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ คือ ในจังหวัดตราด หนองคาย และ มุกดาหาร ซึ่งผลปรากฏว่ามีเอกชนเพียง 1 ราย ที่ยื่นซองประมูลพัฒนาพื้นที่ในจังหวัดตราดเท่านั้น ส่วนอีก 2 พื้นที่ ยังไม่มีเอกชนยื่นซองประมูล เพราะกังวลในเรื่องกฎหมายของ กนอ. ซึ่งในหนองคายและมุกดาหารนั้นจะทำเป็นนิคมอุตสาหกรรม ส่วนในจังหวัดตราดพัฒนาเป็นเขตอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และการค้าชายแดน เพราะติดเกาะกง ประเทศกัมพูชา เชื่อมโยงกับท่าเรือแหลมฉบังได้ ซึ่งเอกชนเสนอราคาประมูลมาสูงกว่าที่กำหนดไว้พอสมควร

“ในการประมูลพัฒนาพื้นที่นั้นคงต้องขึ้นอยู่กับว่าเอกชนมองเห็นศักยภาพของพื้นที่ในแต่ละแห่งเป็นอย่างไร จะทำเป็นท่องเที่ยว อุตสาหกรรม หรือการค้า ก็ได้ แต่ต้องเป็นไปตามที่จังหวัดประกาศไว้ และต้องอยู่แผนอุตสาหกรรมเขตเศรษฐกิจพิเศษที่รัฐบาลกำหนดไว้” จักรกฤศฏิ์ กล่าว

ที่มา : มติชนออนไลน์ และผู้จัดการออนไลน์