ผมเชื่อว่างานอนุรักษ์มันแยกกันไม่ขาดจากการเมือง นโยบายรัฐมีผลโดยตรงต่อการกำหนดชะตากรรมของทรัพยากร ดังนั้นการเคลื่อนไหวด้านนี้จำต้องต่อสู้เรียกร้องทางการเมืองไปพร้อมกัน
เมื่อสองปีที่แล้ว หลังการรัฐประหาร ฝ่ายรัฐที่นำโดยข้าราชการประจำ ต่างชงเรื่องผลักดันโครงการขนาดใหญ่ของรัฐที่มีผลกระทบต่อทรัพยากรออกมามากมาย เช่น เขื่อนแม่วงก์ , โรงไฟฟ้าถ่านหินหลายแห่ง , ท่าเทียบเรือน้ำลึก , เขตเศรษฐกิจพิเศษ เป็นต้น และท่าทีของรัฐบาลเองก็สนับสนุน มีการใช้อำนาจตาม ม.44 ออกประกาศและคำสั่งมากมายมาส่งเสริม ดึงกลุ่มทุนเข้ามาจัดการกับทรัพยากร เช่น คำสั่งที่ 3/59 , 4/59 ที่ยกเลิกผังเมือง โรงงานอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้าถ่านหิน โรงไฟฟ้าขยะ จะตั้งที่ใดก็ได้
คำสั่งที่ 9/59 การข้ามขั้นตอนการทำ EIA ซึ่งเป็นกระบวนการที่เราใช้ต่อสู้กับรัฐมาตลอด เพื่อปกป้องรักษาทรัพยากร แต่กลับถูกคำสั่งดังกล่าวทำลายลง
คำสั่งที่ 17/57 เพิกถอนพื้นที่ป่าสงวน , เขตป่าไม้ถาวร , ที่ดิน สปก. ไปเป็นที่ราชพัสดุ เพื่อนำพื้นที่ดังกล่าวไปทำเขตเศรษฐกิจพิเศษ ให้กลุ่มทุนเช่าในราคาถูกและระยะยาว
ซ้ำร้ายกว่านั้น เราเคยรวมตัวออกมาต่อสู้กับทุกรัฐบาล เพื่อเรียกร้องแทนสัตว์ป่า เพื่อปกป้อง ทรัพยากรธรรมชาติ แต่วันนี้เราทำไม่ได้ มีการคุกคาม จับกุม แจ้งความดำเนินคดีกับคนที่ออกมาส่งเสียง ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้าน นักศึกษานักกิจกรรม
เรายังคิดว่างานอนุรักษ์แยกขาดจากการเมืองอีกหรือ
พรุ่งนี้แล้ว (7 สค.) ที่จะเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ คือการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ
อยากฝากให้มองดังนี้
1. ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ลดอำนาจประชาชน สถาปนารัฐข้าราชการ การต่อสู้เรื่องการอนุรักษ์ที่ผ่านมาจะพบว่า ระบบราราชการประจำหลายหน่วยงาน มีทัศนคติที่ไม่ดี และคนพวกนี้แหละที่ผลักดันโครงการขนาดใหญ่ของรัฐที่มีผลกระทบต่อทรัพยากร
เราจะฝากความหวังกับคนพวกนี้ได้หรือ
2. หากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่าน คสช. และรัฐบาลนี้ จะแปลงรูปไปควบคุมกลไกคณะกรรมการวางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี คุมสมาชิกวุฒิสภา(สว.) และองค์กรอิสระต่างๆ
เราจะฝากความหวังกับคนพวกนี้ได้หรือ เมื่อตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นคำสั่งและทัศนคติของคนพวกนี้ ว่าสวนทางกับการจัดการทรัพยากรที่ยั่งยืนอย่างที่พวกเราต้องการ
3. ม.279 ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ได้ระบุให้บรรดาประกาศและคำสั่งของ คสช. คงอยู่ต่อไป
เราจะทนอยู่กับบรรดาคำสั่งที่ทำลายทรัพยากรเช่นนี้หรือ
สุดท้าย ฝากถึงเพื่อน พี่ น้อง นักอนุรักษ์ ผมเชื่อเสมอว่าการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน คือ การสร้างกระบวนการมีส่วนร่วม การตัดสินใจร่วมกันของคนในสังคม การให้ชุมชนมีสิทธิจัดการทรัพยากรในท้องถิ่นตัวเอง มิใช่การควบคุมจากรัฐส่วนกลางเท่านั้น
เรามิอาจฝากความหวังไว้ที่ใครได้
มาร่วมกันกำหนดอนาคตตัวเอง
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)