Skip to main content
sharethis

25 ก.ค. 2559 จากกรณีเหตุทำลายหรือความเสียหายของบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ์ลงประชามติในหลายพื้นที่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา วันนี้ (25 ก.ค.59) สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำ จ.พิจิตร และ ดร.สุรชัย มณีประกร นายอำเภอเมืองพิจิตร พร้อมด้วยชาวบ้านร่วมกันนำผลไม้ กล้วย แตงโม ถั่วฝักยาว แตงกวา จำนวนมาก ไปเลี้ยงฝูงลิงที่ทำการฉีกบัญชีดังกล่าวเมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมาเพื่อเป็นการผูกมิตรไมตรี อีกทั้งยังได้มีการนำบัญชีรายชื่อชุดใหม่ไปติดประกาศ โดยจุดที่ติดประกาศครั้งใหม่ มีกระจกใสจึงมั่นใจว่าจะสามารถแก้ปัญหาจากที่เคยเกิดขึ้นได้
 

ขอนแก่น จับเด็กปวช.วัย 16 ปี เผาไล่ยุง ตั้งข้อหาหนัก

จ.ขอนแก่น วันนี้(25 ก.ค.59) มติชนออนไลน์ รายงานว่า ที่ ศูนย์ปฎิบัติการส่วนหน้า (ศปก.) สภ.ชุมแพ พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผบช.ภ.4 ร่วมกันแถลงผลการจับกุม เอก (นามสมมุติ) เยาวชนชายอายุ 16 ปี นักศึกษาระดับชั้น ปวช.วิทยาลัยอาชีวศึกษาแห่งหนึ่งในเขต อ.ชุมแพ  หลังถูกเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน บก.สส.ภ.4 ร่วมกับชุดสืบสวน ภ.จว.ขอนแก่น และ สภ.ชุมแพ จับกุมตัวได้ หลังก่อเหตุทำลายและเผาเอกสารประกาศ กำหนดหน่วยออกเสียงและที่ออกเสียง หรือ อส.4 และบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียงหรือ อ.ส. 6 ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 36 ชุมชนใหม่สามัคคี เขตเทศบาลเมืองชุมแพ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 7 ส.ค.

พล.ต.ท.บุญเลิศ ผบช.ภ.4 กล่าวว่า หลังเกิดเหตุชุดสืบสวนสอบสวนได้ลงพื้นที่เพื่อสอบปากคำพยาน รวมทั้งการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด โดยรอบจุดที่เกิดเหตุ จนกระทั่งพบชายต้องสงสัยขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนเข้ามาก่อเหตุโดยใช้เวลาในการก่อเหตุไม่นานนัก เจ้าหน้าที่จึงได้กระจายกำลังกันลงพื้นที่และการสอบปากคำพยานจนทราบว่า นายเอก เป็นผู้ที่ลงมือก่อเหตุจึงติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด

“ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาก่อเหตุจริง โดยตั้งใจจะมารับแฟนซึ่งอยู่ในหมู่บ้านดังกล่าว แต่เนื่องจากฝนตกหนักจึงเข้าไปหลบภายในศาลาซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ แต่เนื่องจากโดนยุงกัดเยอะ จึงได้ฉีกเอาแผ่นเอกสารดังกล่าวลงมาเผาจุดไล่ยุง โดยไม่ทราบว่าเอกสารดังกล่าวนั้นเป็นเอกสารที่สำคัญของทางราชการ” พล.ต.ท.บุญเลิศ กล่าว

ผบช.ภ.4 กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดทุกข้อกล่าวหา โดยคดีนี้ เจ้าหน้าที่กฎหมายของ กกต.ขอนแก่น ได้เข้าแจ้งความเอาผิดกับผู้ที่ก่อเหตุแล้วที่ สภ.ชุมแพ โดยตั้งข้อกล่าวหาในฐานความผิดเกี่ยวตามมาตรา 57 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 ฐานขัดขวางการปฏิบัติงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง กรรมการเลือกตั้ง ฯลฯ และเข้าข่ายความผิดมาตรา 188 และ 360 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ฐาน ผู้ใดทำให้เสียหายทำลายซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือเสียประโยชน์ ซึ่งพินัยกรรมหรือเอกสารใดของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และฐาน ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์สินที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณะประโยชน์ พร้อมทั้งควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ชุมแพ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
 

ร้อยเอ็ด 9 ขวบ รับฉีกปาเล่นยัน ไม่มีใครสั่งการ

จ.ร้อยเอ็ด วันนี้ (25 ก.ค.59) มติชนออนไลน์ รายงานด้วยว่า ผู้ใหญ่บ้านแหลมทรายทอง หมู่ที่ 9 ต.โพนทราย อ.โพนทราย จ.ร้อยเอ็ด แจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อค่ำวานนี้ ว่าตรวจพบว่ามีการฉีกรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียงลงประชามติ ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 7 ศาลาอเนกประสงค์ฯ โดย เจ้าหน้าที่ได้ตามตัว นางน้อย (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นแม่ค้าขายของในตลาดแห่งหนึ่ง พร้อมกับให้นำเด็กชายเอ (นามสมมุติ) ลูกชายวัย 9 ขวบ มาแสดงตนต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อสอบถามรายละเอียดหาผู้ก่อเหตุ เพราะมีคนเห็นอยู่ในบริเวณดังกล่าว ในวันที่เกิดเหตุซึ่งนางน้อย (นามสมมุติ) ได้นำลูกชายมาพบพนักงานสอบสวน และรับว่ามาที่บริเวณดังกล่าวจริง แต่ไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าว แต่จากการสอบสวนเด็กให้การวกวนมีพิรุธ จึงเชิญ 2 แม่-ลูกไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.โพนทราย ใช้เวลาเกลี้ยกล่อมอยู่นานประมาณ 1 ชั่วโมง จึงยอมรับว่าได้เป็นคนฉีกเอกสารดังกล่าวจริง โดนตนเองมากับน้องชายวัย 4 ขวบ และเด็กชายเอ ฉีกเพียงลำพัง ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 23 ก.ค.จนกระทั่งวันที่ 24 ก.ค.จึงมีคนมาพบ และเมื่อเป็นข่าวขึ้นตนเองกลัวความผิด จึงให้แม่พาไปหาพ่อที่ จว.อุบลราชธานี และญาติๆ บอกว่า ตำรวจมาหาขอให้เดินทางกลับมาให้ปากคำ ตำรวจจึงให้แม่พากลับมา ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน จนกระทั่งยอมรับสารภาพว่าทำจริง และทำคนเดียว โดยไม่มีใครสั่งหรืออยู่เบื้องหลังแต่อย่างใดทั้งสิ้น 
 

ราชบุรี ตากแดด-ฝน ตัวหนังสือจาง

จ.ราชบุรี วานนี้ (24 ก.ค.59)  ข่าวสดออนไลน์ รายงานว่า ชาวบ้านในชุมชนทิพย์นิเวศน์ เขตเทศบาลเมืองราชบุรี  จ.ราชบุรี ได้แจ้งให้ผู้สื่อข่าวขอให้มาร่วมตรวจสอบเกี่ยวกับรายชื่อที่มีหน่วยงานนำเอามาติดไว้กลางแจ้งตากแดดตากฝนตัวหนังสือแทบมองไม่เห็น ที่บริเวณด้านหน้าทางเข้าชุมชนทิพย์นิเวศน์  จึงเดินทางไปตรวจสอบพบ ด้านบนมีกระดาษสีเหลืองเขียนว่าปิดประกาศออกเสียง อีกชุดเป็นบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ์ออกเสียง และด้านร่างจะเป็นประกาศ โดยทั้ง 3 ชุดติดอยู่บนแผ่นไม้ป้ายชื่อของชุมชนทิพย์นิเวศน์ที่ไม่ได้ใช้แล้ว  ใกล้กันมีบอร์ดที่ผุพังใช้ไม่ได้  และยังมีแผ่นบอร์ดคล้ายกับเอามาทิ้งไว้ไม่ได้ใช้งาน 1 แผ่น            
 

เด็กม.ต้น ระยอง ฉีกเพราะคิดว่าเป็นกระดาษเก่า ยันไม่มีใครว่าจ้าง

เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่ จ.ระยอง ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า บัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติ ที่บริเวณศาลาอเนกประสงค์ที่ทำการกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มแม่บ้านสตรี ชากคา หมู่ 7 ต.ชากพง อ.แกลง ซึ่งใช้เป็นสถานที่หน่วยออกเสียงประชามติหน่วยที่ 17 จำนวนผู้มีสิทธิออกเสียง จำนวน 380 ราย ถูกฉีกขาดหายไปรวม 3 แผ่น ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรบ้านกร่ำ ได้นำตัวเด็กนักเรียนชั้น ม.1และ ม.2 รวมทั้งหมด 4 คน ไปสอบสวนปากคำที่สถานีเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา
       
โดยมี วิทยา ชพานนท์ นายอำเภอแกลง เดินทางมาสอบปากคำเด็กนักเรียนที่สถานีตำรวจภูธรบ้านกร่ำ ด้วยตนเอง เพื่อสอบถามว่ามีใครว่าจ้าง หรือมีผู้อยู่เบื้องหลังการฉีกกระดาษบัญชีรายชื่อหรือไม่อย่างไร ทั้งนี้ ทราบจากปากของเด็กนักเรียนว่า ไม่มีใครว่าจ้าง หรือมีใครอยู่เบื้องหลังแต่อย่างใด ซึ่งเด็กนักเรียนยอมรับว่า มีเพื่อนร่วมกันทั้งหมดรวม 4 คน ชวนกันมาเล่นที่ศาลาอเนกประสงค์ในช่วงวันหยุดหลายวันที่ผ่านมาจริง และให้การยอมรับว่า ฉีกกระดาษบนกระดานที่หน่วยเลือกตั้งจริงรวม 3 ใบ

โดยคิดว่าเป็นกระดาษเก่าแล้วจึงฉีกทิ้ง ไม่ทราบว่าเป็นบัญชีรายชื่อ ส่วนเด็กนักเรียนอีกคนยอมรับว่า ไม่ได้เป็นคนฉีก แต่ยอมรับเป็นคนยืมไฟแช็กเพื่อนที่มาด้วยกันจุดไฟเผากระดาษบริเวณริมคลองด้านหลังหน่วยเลือกตั้ง ส่วนคนที่ขยำกระดาษที่ฉีกแล้วนำไปทิ้งริมคลอง และเจ้าของไฟแช็กไม่ยอมรับ และในเช้าวันที่ 23 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจบ้านกร่ำ ได้นำตัวเด็กนักเรียน 2 คน ที่ให้การรับสารภาพไปส่งฟ้องศาลเด็กและเยาวชนและครอบครัว จ.ระยอง
 

ชาวบ้านตำหนิ ควรติดให้ไกลมือเด็ก

ผู้จัดการออนไลน์ รายงานด้วยว่า ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบบริเวณหน่วยเลือกตั้งที่ 17 ศาลาอเนกประสงค์ หมู่ 7 ต.ชากพง แต่ชาวบ้านต่างปิดปากเงียบไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียด พร้อมขอตำหนิกรณีการติดหนังสือราชการเรื่องสำคัญควรจะติดให้สูงๆ หน่อย เด็กมันไม่รู้เรื่องว่าเป็นกระดาษอะไร ขยำทิ้งเอาไฟแช็กจุดเผา ซึ่งเด็กก็ยอมรับความจริง และอ้างว่าทั้งตำรวจ และนายอำเภอห้ามพูดเรื่องนี้เดี๋ยวนักข่าวรู้ กลัวนำไปลงข่าวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่จะเดือดร้อนกันไปหมด 

 

หมวดเจี๊ยบชี้เด็กรู้เท่าไม่ถึงการณ์ไม่ควรถูกดำเนินคดี

ขณะที่ วานนี้ (24 ก.ค.59) สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. รายงานว่า ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต หรือ หมวดเจี๊ยบ อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เด็กและเยาวชน ที่ฉีกทำลายบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ์ออกเสียงประชามติ เพราะความซุกซนและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่ควรถูกดำเนินคดีและไม่ควรถูกสั่งฟ้อง เนื่องจากไม่ได้มีเจตนาที่จะล้มหรือขัดขวางการลงประชามติ แต่ฉีกกระดาษเพียงเพราะความซุกซน จึงอาจไม่ครบองค์ประกอบความผิดอาญาตามกฎหมาย ซึ่งหน่วยงานรัฐ ควรดำเนินการเรื่องนี้ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่ออนาคตของเด็ก และไม่ควรปิดคดีแบบง่าย ๆ โดยโยนความผิดให้เด็ก หรือบีบให้ผู้ปกครองยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ที่สำคัญสิ่งที่เกิดขึ้นจะโทษเด็กฝ่ายเดียวไม่ได้ แต่สะท้อนว่าการประชาสัมพันธ์ของภาครัฐ เกี่ยวกับการลงประชามติอาจทำไม่ทั่วถึง ดังนั้น การที่เด็กยืนยันว่าไม่รู้ว่ากระดาษที่ฉีกคือเอกสารอะไร จึงเป็นคำชี้แจงที่มีเหตุผลและเป็นไปได้

ทั้งนี้ หากรัฐบาลมีความจริงใจและมีความปราณีต่อเด็ก ควรหาทางออกที่ดีกว่าการทำให้เด็กมีคดีติดตัวไปชั่วชีวิต และรัฐบาลว่าเป็นการดำเนินการตามกฎหมายกับความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเด็ก ในขณะที่ผู้ใหญ่ฉีกรัฐธรรมนูญ สร้างความเสียหายต่อประเทศ แต่ยังคงใช้ชีวิตเหมือนไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้น รวมถึงยังนิรโทษกรรมให้ตัวเองไม่ต้องรับโทษได้อีก 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net