Skip to main content
sharethis

6 ก.ค.2559 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณี อันดรีย์ เบชตา เอกอัครราชทูตยูเครน ประจำประเทศไทยเข้าพบวันนี้ ว่า จะสอบถามกรณีการส่งมอบรถถัง OPLOT (โอพล็อต) ให้กับกองทัพบกล่าช้า แต่ก็ทราบดีว่า ยูเครนมีปัญหาภายใน ซึ่งต้องรอดูอีกระยะหนึ่ง คาดว่าวันนี้ยูเครนคงเสนอประเด็นการลงทุนในไทย เพราะทราบว่าสนใจเข้ามาตั้งโรงงานผลิตอะไหล่ยานเกราะล้อยาง

“การที่ไทยซื้อรถถัง VT-4 จากจีน เป็นผลมาจากยูเครนส่งมอบรถถังล่าช้า  อีกทั้งพล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก ได้ไปดูงานที่จีนด้วยตัวเอง เชื่อว่าสมรรถนะสามารถนำมาใช้ในประเทศไทยได้ ส่วนจะเรียกค่าปรับจากยูเครนหรือไม่ ไม่ทราบ เพราะกองทัพบกรับผิดชอบ คงต้องเป็นไปตามสัญญาที่ลงนามไว้” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าว

พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงกรณีมีการนำงบประมาณจัดซื้อยุทโธปกรณ์มาเปรียบเทียบกับงบประมาณด้านสาธารณสุขและการศึกษาที่ได้ไม่เท่ากัน ว่า ตัวเลขงบด้านสาธารณสุขและการศึกษามากกว่างบกระทรวงกลาโหมอยู่แล้ว ที่ผ่านมา งบประมาณต่าง ๆ นำไปช่วยเหลือเกษตรกร เพราะภาษีที่ได้มาจากประชาชนก็ต้องกลับไปหาประชาชน เช่นเดียวการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ก็ทำเพื่อประชาชน เพราะเป็นเรื่องความมั่นคงและการรักษาอธิปไตยของชาติ

โฆษกกลาโหมเผย ยูเครนยันส่งมอบรถถังทัน มี.ค.ปีหน้า จ่อตั้งโรงงานผลิต-โรงซ่อมร่วม

โดย พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการหารือระวหว่างเอกอัครราชทูตยูเครนฯ กับ พล.อ.ประวิตร ว่าทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันถึงพัฒนาการความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดยเอกอัครราชทูตยูเครนมีความเข้าใจสถานการณ์ของประเทศไทย พร้อมทั้งสนับสนุนและให้กำลังใจรัฐบาลในการเดินหน้าสู่เป้าหมายตามโรดแมปที่กำหนด ขณะเดียวกันก็ได้รายงานให้ทราบถึงสถานการณ์ความไม่มั่นคงของประเทศที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ยูเครนไม่สามารถดำเนินอุตสาหกรรมป้องกันประเทศได้ตามกำหนดที่ทำความตกลงกับนานาประเทศรวมทั้งประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ความรุนแรงภายในประเทศลดลงส่งผลให้ยูเครนสามารถเริ่มดำเนินอุตสาหกรรมป้องกันประเทศต่อได้แล้ว โดยพร้อมจะทำการผลิตและส่งมอบยุทโธปกรณ์ ประเภทรถถัง ตามที่ได้ลงนามความตกลงกับกองทัพบกภายใน มี.ค. 2560
       
ในขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะสนับสนุนการขยายความเป็นหุ้นส่วนด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศกับไทย ในการถ่ายทอดเทคโนโลยีทางทหาร รวมทั้งแนวคิดการจัดตั้งโรงงานผลิตและซ่อมบำรุงยุทโธปกรณ์ประเภทยานเกราะร่วมกับไทยในอนาคต พร้อมกับได้ใช้โอกาสนี้เรียนเชิญรองนายกฯ และ รมว.กลาโหมเดินทางไปเยือนยูเครนในฐานะแขกของกระทรวงกลาโหมยูเครน เพื่อส่งเสริมและพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกลาโหมของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไป

 

ที่มา : สำนักข่าวไทย และผู้จัดการออนไลน์

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net