Skip to main content
sharethis

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา มินดานิวส์ รายงานว่า ที่เมืองดาเวา โรดริโก ดูเตอร์เต ประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ที่มาจากการเลือกตั้งล่าสุด ได้เข้าพบกับผู้นำของกลุ่มแนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติโมโร (MNLF) และกลุ่มแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร (MILF) เมื่อคืนวันที่ 17 มิ.ย. เพื่อพูดคุยในประเด็นสันติภาพระหว่างวาระการบริหารของดูเตอร์เต 

ขณะเดียวกันก็ยังประชุมเป็นส่วนตัวกับประธานของแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร อัล ฮัจ มูราด เอบราฮิม ภายหลังจากนั้น ดูเตอร์เตเข้าพบกับดาตู อาบูล คายร์ อาลันโต แห่ง ลาเนา เดล เซอร์ ประธานฝ่าย MNLF และตัวแทนของฝ่าย MILF ซึ่งนำโดยมูราด ณ แจ็คกี้ส์ เรสโตคาเฟในโรงแรมเอเลน่า

“กลุ่มดังกล่าวยืนยันว่าจะสนับสนุนและร่วมมือกับรัฐบาลใหม่รวมทั้งจะเดินหน้ากระบวนการสันติภาพ” คริสโตเฟอร์ ลอว์เรนซ์ บอง โก ผู้ช่วยบริหารของดูเตอร์เตกล่าวกับผู้สื่อข่าวของมินดานิวส์

“จะเป็นการพบกันแบบส่วนตัวกับมูราด” โกกล่าว ซึ่งเขาจะรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยพิเศษและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ในด้านการจัดการของประธานาธิบดี

เขาระบุว่า หลังจากการประชุมกลุ่ม ก็มีการพูดคุยซึ่งใช้เวลาประมาณ 20 นาที

โก ซึ่งอยู่ในการประชุมกลุ่มด้วย ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียด เช่นเดียวกับมูราดที่ไม่อนุญาตให้สัมภาษณ์เพื่อสอบถามความเห็น แต่แหล่งข่าวของมินดานิวส์ระบุว่า ผู้แทนคนอื่นๆ ออกจากห้องประชุมเพื่อให้ผู้นำทั้งสองฝ่ายหารือกันก่อนกลับมาปิดการประชุมร่วมกันอย่างเป็นทางการ

การประชุมครั้งนี้เป็นการพบกันครั้งแรกระหว่างมูราด ในวัย 67 ปีกับดูเตอร์เต ในวัย 71 ปี  ซึ่งดูเตอร์เตเองก็เคยเข้าเยี่ยมค่ายดาราปานันของแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโรหรือ MILF ที่ซุลตาน กุดารัต เมืองมากูอินดาเนา เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ระหว่างการเดินทางไปหาเสียงในเมืองโคตาบาโต ในขณะนั้นมูราดอยู่ต่างประเทศ ดูเตร์เตได้รับการต้อนรับโดยกาซาลี จาฟาร์ รองประธานคนที่หนึ่งของกลุ่ม และสมาชิกคณะกรรมการส่วนกลางคนอื่นๆ แม้ว่าจะมีความพยายามในการพบกันเป็นการส่วนตัวอีกสองครั้งก่อนการเลือกตั้งซึ่งไม่เกิดผล

แหล่งข่าวระบุว่าการพูดคุยระหว่างทั้งสองนั้น “ผ่านไปได้อย่างสวยงาม และ เป็นประโยชน์มาก” แต่ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเพิ่มเติม

ชะตากรรมของกฎหมายพื้นฐานบังซาโมโร (BBL) ถูกยกขึ้นมาเช่นที่คาดไว้และแหล่งข่าวระบุว่าจะการพูดคุยเป็นไปในเชิงบวกมาก

การประชุมสภาสมัยที่ 16 ภายใต้การบริหารของอากิโนไม่สามารถผ่านกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งจะเปิดทางไปสู่การจัดตั้ง ‘บังซาโมโร’ ที่เป็นเขตการปกครองตนเองทางการเมืองแห่งใหม่ซึ่งจะมาแทนภูมิภาคจัดการตนเองในเขตมุสลิมมินดาเนา (the Autonomous Region in Muslim Mindanao หรือ เออาร์เอ็มเอ็ม)

การผ่านกฎหมายพื้นฐานบังซาโมโรเป็นสิ่งสำคัญในกระบวนการสันติภาพเนื่องจากเกี่ยวข้องกับการปลดอาวุธและกำลังพลของ MILF เช่นเดียวกับการค่อยๆ ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ซึ่งเคยมีความขัดแย้งมาก่อนในระยะการกลับคืนสู่ภาวะปกตินี้

ก่อนหน้านั้น ปันเตาลีออน อัลอาเรซ จูเนียร์ ผู้แทนจากจังหวัดดาเวา เดล นอร์เต ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากดูเตอร์เตให้เป็นโฆษกรัฐสภา กล่าวกับผู้สื่อข่าวในมะนิลาว่า ‘ไม่ต้องการ’ กฎหมายพื้นฐานบังซาโมโรอีกแล้ว เนื่องจากจะมีแผนการพิจารณาปรับแก้รัฐธรรมนูญปี 1987 เพื่อเปลี่ยนไปสู่ระบอบสหพันธรัฐ

แม่บท

ในระหว่างการรณรงค์หาเสียง ดูเตอร์เตกล่าวย้ำเสมอว่าภายใต้การบริหารประเทศของเขาจะแก้ไขข้อผิดพลาดที่เป็นความอยุติธรรมทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นกับชาวโมโร

ในการเข้าเยี่ยมค่ายดาราปานันของกลุ่ม MILF เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ดูเตอร์เตกล่าวถึงแผนที่จะปรับแก้รัฐธรรมนูญเพื่อรองรับการเปลี่ยนจากระบอบประธานาธิบดีไปสู่ระบอบสหพันธรัฐ แต่“หากใช้เวลานาน และหากจะลดความตึงเครียด ในรัฐบาลของผม ผมจะโน้มน้าวให้สภาผ่านกฎหมาย BBL แล้วทำให้เป็นแม่แบบสำหรับสหพันธรัฐ”

ที่ลานเมืองโคตาบาโต ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งประธานาธิบดีคนเดียวจากมินดาเนานี้ย้ำถึงความจำเป็นที่จะแก้ไขความไม่เป็นธรรมทางประวัติศาสตร์ที่กระทำกับชาวโมโรและให้คำมั่นที่จะดำเนินการภายใต้การบริหารของเขา “เราพยายามไปสู่สหพันธรัฐนิยม บังซาโมโรอยู่บนแผนที่ในปัจจุบัน ขอให้เราอย่าได้ไปแตะต้องอีกแล้ว มาทำให้ (บังซาโมโร) เป็นตัวอย่างสำหรับที่อื่นๆ ผมจะเร่งขอให้สภาผ่านกฎหมายพื้นฐานบังซาโมโร”

เขากล่าวว่า เขาจะบอก นูร์ มิซูอารี ประธานผู้ก่อตั้ง MNLF ด้วยเช่นกันว่า “ขอให้ทำตามนั้นในมินดาเนาและทั่วทั้งฟิลิปปินส์” มิซูอารี ผู้ที่ดูเตอร์เตนับเป็นสหายนั้นเป็นผู้ก่อตั้ง MNLF ซึ่งร่วมลงนามในข้อตกลงสันติภาพฉบับสุดท้ายในปี 1996 และการนำข้อตกลงฉบับนี้ไปปฏิบัติตามก็ยังไม่สมบูรณ์แบบ

ในการดีเบตระหว่างผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีครั้งสุดท้าย ดูเตอร์เตกล่าวว่า “ไม่มีสิ่งใดสามารถปลอบประโลมชาวโมโรได้ ถ้าคุณไม่ให้กฎหมายพื้นฐานบังซาโมโรแก่พวกเขา”

เมื่อถูกถามระหว่างการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่ทำการของรัฐบาลหรือ ‘มาลากานัง’ แห่งภาคใต้ ซึ่งตั้งอยู่ในปานากัน เมื่อวันที่ 31 มีนาคม เพื่อขอความชัดเจนเกี่ยวกับคำมั่นสัญญาและแผนการของอัลวาเรซเกี่ยวกับกฎหมาย BBL ดูเตอร์เตตอบว่า “ระบอบสหพันธรัฐจะรับรองเขตแดนที่คุณยืนอยู่ในตอนนี้ อัลวาเรซไม่ได้ตั้งใจที่จะรับรองกฎหมายนี้เพื่อการกีดกั้นหรือแบ่งแยกส่วนอื่น ผมมีความยินดีที่จะปล่อยโครงร่างนับแต่นี้ไป เขตแดนของพวกเขาไม่มีปัญหาใด แต่เราต้องกำหนดในส่วนอื่นใหม่ด้วย ทุกฝ่ายต้องได้รับการปฏิบัติมาตรฐานเดียวกัน ว่ากันอย่างเต็มที่แล้ว คุณก็เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายที่ใหญ่ขึ้น และนี่แหละคือระบอบสหพันธรัฐ ดังนั้น ไม่ใช่ว่าจะเป็นกฎหมาย BBLจะโดดเด่นออกมา แต่เป็นส่วนหนึ่งของการตั้งสหพันธรัฐได้ ซึ่งนี่คือความหมายที่จริง ผมมั่นใจว่าน่าจะไม่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนไปจากนี้”

ข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ว่าด้วยบังซาโมโร (CAB) ซึ่งลงนามโดยรัฐบาลและกลุ่ม MILF เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2014 อนุญาตให้มีการผ่านกฎหมาย BBL เพื่อเปิดทางไปสู่การก่อตั้งบังซาโมโร

ในแถลงการณ์เมื่อวันที่  11 มิถุนายน มูราดกล่าวว่ากลุ่ม MILF ‘รักษาจุดยืนว่ากฎหมาย BBL ที่มาจากข้อตกลงฉบับสมบูรณ์นั้น จะต้องได้รับการรับรองให้เป็นกฎหมายโดยเร็ว ไม่ใช่เพียงเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติตามข้อตกลงเท่านั้น แต่เพื่อรับมือกับความโดดเด่นที่ไม่เหมือนใครของบังซาโมโร ที่ไม่พบได้ในสหพันธรัฐอื่นใดด้วย”

เขายังอ้างถึงแถลงการณ์ฉบับก่อนหน้าของดูเตอร์เตเกี่ยวกับการทำให้กฎหมาย BBL เป็นแม่แบบสำหรับสหพันธรัฐ

พี่น้องพูดคุยกัน

การพบปะระหว่างดูเตอร์เตกับกลุ่มดังกล่าวครอบคลุมหลายประเด็น อาทิ การบรรลุถึงสันติภาพภายใต้การบริหารของดูเตอร์เต กฎหมายพื้นฐานบังซาโมโรหรือ BBL ความจำเป็นในการหาแนวทางที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของแนวร่วมโมโร การเปลี่ยนไปสูระบอบสหพันธรัฐ ยาเสพติด และการลักพาตัวเพื่อเรียกค่าไถ่

อาลันโต รองประธานในช่วงแรกหลังการก่อตั้งกลุ่ม MNLF ก่อนเข้ารับตำแหน่งประธานของแนวร่วมในปี 2014 กล่าวถึงการหารือกันครั้งนี้ว่า เป็นการพูดคุยของพี่น้อง (ระหว่างพี่ชายน้องชาย)

อาลันโตกล่าวกับสถานีโทรทัศน์เอบีเอส-ซีบีเอ็นว่า แนวร่วมโมโรทั้งสองได้แสดงการสนับสนุนของชาวโมโรต่อดูเตอร์เตว่าเขาเป็น “ลูกแท้ๆ ของมินดาเนาและพี่ชายที่ดีจากมินดาเนา” เขากล่าวว่าพวกเขาเห็นว่าชัยชนะในการเลือกตั้งของดูเตอร์เตเป็นการลงประชามติว่า ชาวฟิลิปปินส์ยินดีเปลี่ยนไปสู่ระบอบสหพันธรัฐซึ่งเหมาะกับรัฐบาลบังซาโมโรเป็นอย่างดี

เมื่อถูกถามในรายการเอเอ็นซีว่าดูเตอร์เตได้กำหนดกรอบเวลาสำหรับการผ่านกฎหมาย BBL ไว้อย่างไร อาลันโตตอบว่า “จะมีการชี้แจงหลังจากเขาสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี”

เขากล่าวว่าอาจจะมี “ข้อตกลงและจุดยืนฉบับสมบูรณ์ที่จะถูกนำเสนอโดยประชาคมโมโรผ่านผู้นำของกลุ่ม MILF ด้วยการสนับสนุนจากกลุ่ม MNLF ซึ่งจะส่งไปในเวลาที่เหมาะสม”

จีซุส ดูเรซา ที่ปรึกษาประธานาธิบดีว่าด้วยกระบวนการสันติภาพ ซึ่งไม่ได้อยู่ในการประชุมครั้งนี้เพราะอยู่ระหว่างเดินทางกลับจากออสโล นอร์เวย์ หลังจากการหารืออย่างไม่เป็นทางการที่ประสบความสำเร็จกว่าสองวันกับแนวร่วมประชาธิปไตยแห่งชาติ กล่าวกับมินดาเนานิวส์ เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ว่าเขาจะเข้าปรึกษาหารือกับหลายภาคส่วยเกี่ยวกับโรดแม็พของสันติภาพในบังซาโมโร

ครอบคลุม

“มันจะต้องครอบคลุมแนวร่วมโมโรทุกกลุ่ม” ดูเรซากล่าว ซึ่งหมายถึงกลุ่ม MILF และกลุ่ม MNLF

เขาระบุว่า เขามองในแง่ดีต่อผลลัพธ์ของการพูดคุยเพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ซึ่งจัดขึ้นโดยการอำนวยความสะดวกขององค์กรเพื่อความร่วมมืออิสลาม (OIC) ในปี 2010 ซึ่งนำไปสู่ข้อตกลงระหว่างผู้นำของกลุ่มแนวร่วมทั้งสอง และนำมาซึ่งการก่อตั้งคณะทำงานประสานงานบังซาโมโร (Bangsamoro Coordination Foru-BCF)

เฉพาะแนวร่วม MNLF ภายใต้การนำของอาลันโตเท่านั้นที่เข้าร่วมในการประชุมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ฝ่ายของมิซูอารี, มุซลิมิน เซมาและคนอื่นๆ ไม่ได้เข้าร่วม

โฆษกของมิซูอารีให้ข้อมูลกับมินดานิวส์เมื่อวันเสาร์ว่า ดูเตอร์เตจะเข้าพบกับมิซูอารีที่ซูลูในเวลาอันควร

เซมาระบุในวันเดียวกันว่า พวกเขารอให้องค์การเพื่อความร่วมมืออิสลามจัดการแต่ “เรากำลังพูดคุยกับกลุ่ม MILF เกี่ยวกับความคืบหน้าของบรรดาข้อตกลงที่มีการลงนามไว้กับรัฐบาลภายใต้กฎหมายจัดการตนเอง ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงทริโปลี 1976 และข้อตกลงสันติภาพฉบับสุดท้าย ปี 1996 โดยไม่ละเลยข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ว่าด้วยบังซาโมโร (ของกลุ่ม MILF) เขาระบุว่า เขาหวังว่าประเด็นเหล่านี้จะถูกจัดการให้เรียบร้อยในการประชุมของคณะทำงานประสานงานบังซาโมโร (BCF) ครั้งหน้า

เซมาเคยเสนอไว้ก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการเจรจาสี่ฝ่ายซึ่งประกอบไปด้วย รัฐบาล กลุ่ม MNLF กลุ่ม MILF และ OIC “ภายใต้บริบทปัจจุบันซึ่งประธานาธิบดีดูเตอร์เตเชื่อมั่นในระบอบสหพันธรัฐ การเจรจาสี่ฝ่ายนี้เหมาะสมอย่างมาก”

ที่มา http://www.mindanews.com/peace-process/2016/06/19/one-on-one-meeting-duterte-and-murad-talk-peace/

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net