ธ.ก.ส.พร้อมรับลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย 15 ก.ค.นี้
ต่อมา 15 มิ.ย.59 ลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ธ.ก.ส.พร้อมเปิดรับลงทะเบียนผู้มีรายได้ต่ำกว่า 100,000 บาทต่อปี เพื่อรับการช่วยเหลือตามมาตรการของรัฐตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. – 15 ส.ค.นี้ ซึ่งได้มีการวางระบบเรียบร้อยแล้ว ขณเดียวกันได้มีการซักซ้อมระบบ Any id เพื่อรองรับระบบอีเพย์เมนต์ของรัฐบาล ระหว่างการซักซ้อมได้มีการสอบถามรายได้ประชาชนไปด้วย หากพบว่ามีคุณสมบัติครบจะเชิญชวนเข้าร่วมโครงการผู้รายได้น้อย คาดว่าจะมีผู้ลงทะเบียน 10 ล้านรายทั่วประเทศ จากฐานลูกค้า ธ.ก.ส.ประมาณ 6 ล้านครัวเรือน หรือ 24 ล้านรายทั่วประเทศ ซึ่งจะมีการให้กรอกแบบฟอร์มและพิจารณาแหล่งที่มาของรายได้ ทรัพย์สินและหนี้สิน โดยทางสำนักงานคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) จะช่วยดูแลตรวจสอบระบบ เพื่อประเมินผลการลงทะเบียน
รายละเอียดโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ
โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เนื่องจากปัจจุบันภาครัฐใช้งบประมาณจำนวนมากเพื่อสนับสนุนสวัสดิการสังคมช่วยเหลือประชาชนตลอดช่วงชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย ไม่ว่าจะเป็นสวัสดิการสำหรับเด็กและครอบครัว สวัสดิการด้านการศึกษา สวัสดิการด้านสุขภาพอนามัย สวัสดิการคนพิการ สวัสดิการผู้ด้อยโอกาส และสวัสดิการผู้สูงอายุ เป็นต้น อีกทั้งยังมีการให้เงินช่วยเหลืออื่น ๆ ตามนโยบายในแต่ละรัฐบาล อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาการจัดสวัสดิการสังคมและการให้เงินช่วยเหลือของภาครัฐยังมีข้อจำกัด โดยภาครัฐไม่สามารถกำหนดนโยบายการให้เงินช่วยเหลือต่างๆ ได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย เนื่องจากข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการกำหนดนโยบายกระจัดกระจายอยู่หลายแห่ง และขาดข้อมูลผู้มีรายได้น้อยเป็นรายบุคคลที่บูรณาการข้ามหน่วยงาน
โฆษกกระทรวงการคลัง ระบุว่า คณะรัฐมนตรีในคราวการประชุมเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2558 มีมติเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment Master Plan) และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละโครงการเร่งดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ และกระทรวงการคลังได้รับมอบหมายให้พิจารณาดำเนินการโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการบูรณาการฐานข้อมูลสวัสดิการสังคมในโครงการ e-Payment ภาครัฐ
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2559 จึงได้มีมติรับทราบโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ 1. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิลงทะเบียนต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ 1) ว่างงานหรือมีรายได้ทั้งสิ้นที่เกิดขึ้นในแต่ละปีปฏิทินไม่เกิน 100,000 บาท และเป็นรูปแบบสมัครใจ (Voluntary Basis) โดยผู้ลงทะเบียนจะต้องยินยอมเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น รายได้ การถือครองทรัพย์สินของตน เจ้าหนี้และจำนวนหนี้สินที่คงค้าง เป็นต้น เพื่อให้รัฐบาลมีข้อมูลสำหรับนำไปใช้ในการจัดทำสวัสดิการของรัฐ 2) มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป และมีสัญชาติไทย
2. กลไกการดำเนินการ 1) ลงทะเบียน ณ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ระหว่างวันที่ 15 ก.ค. ถึงวันที่ 15 ส.ค. 2559 สำหรับปีต่อๆ ไปให้ลงทะเบียนระหว่างวันที่ 1 ถึงวันที่ 30 ก.ย. ของแต่ละปี
2) สถาบันการเงินตามข้อ 1) จัดเก็บเอกสารแล้วส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ไปยังกรมสรรพากรเพื่อจัดเก็บข้อมูลและทำการตรวจสอบความถูกต้องในภายหลัง (Post Audit) 3) กรมสรรพากรเชื่อมโยงข้อมูลไปยังฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร สำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เพื่อประมวลข้อมูลผู้มีรายได้น้อย นำไปบูรณาการฐานข้อมูลสวัสดิการสังคมแล้วนำไปใช้ในการจัดสวัสดิการสังคมภายใต้โครงการ e-Payment ภาครัฐในระยะต่อไป
3. ประโยชน์ที่จะได้รับ ช่วยทำให้รัฐบาลมีฐานข้อมูลของผู้มีรายได้น้อย เนื่องจากการลงทะเบียนจะต้องแสดงข้อมูลรายได้ ทรัพย์สิน และการเป็นหนี้สิน เป็นต้น ซึ่งจะทำให้รัฐบาลทราบข้อมูลและสามารถนำไปกำหนดนโยบายเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
ที่มา : สำนักข่าวไทย โพสต์ทูเดย์และเว็บทำเนียบรัฐบาล
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)