Skip to main content
sharethis

หนึ่งในผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTIQ) ชาวมุสลิม เขียนบทความแสดงความเสียใจกรณีเหตุกราดยิงผู้คนในไนต์คลับคนรักเพศเดียวกันเมืองออร์แลนโด ขณะเดียวกันก็ขอร้องไม่ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นการกดขี่ซ้ำเติมอัตลักษณ์ และเปิดเผยว่าพอมีเหตุที่โยงกับศาสนาอิสลามมักจะเกิดสองมาตรฐานขึ้นทุกครั้งเมื่อเทียบกับศาสนาอื่นๆ

13 มิ.ย. 2559 จากเหตุการณ์กราดยิงผู้คนในไนต์คลับคนรักเพศเดียวกัน ในเมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา จนมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 50 ราย โดยผู้ก่อเหตุ โอมาร์ มาทีน ผู้เคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยของเอฟบีไอในฐานะคนที่มีความเห็นพ้องกับกลุ่มก่อการร้ายอย่างไอซิส แต่ชัมรา ฮาบิบ ผู้เขียนบทความผู้ก่อตั้งโครงการ "แค่ฉันและองค์อัลเลาะห์" (Just Me and Allah) ซึ่งเป็นโครงการภาพถ่ายคนเพศทางเลือกชาวมุสลิม ระบุในบทความว่าไม่อยากให้เรื่องราวในครั้งนี้กลายเป็นเรื่องของการ "แบ่งเขาแบ่งเรา"

ฮาบิบ เขียนถึงประสบการณ์ช่วงที่ทำโครงการ "แค่ฉันและองค์อัลเลาะห์" ของตัวเองซึ่งเป็นโครงการ
บันทึกเรื่องราวและประสบการณ์ที่หลากหลายของผู้มีเพศสภาพที่แตกต่างจากสังคมกระแสหลักหรือกลุ่ม "เควียร์" (queer) เธอเล่าว่าเคยพบเจอเรื่องราวในนิตยสารเกี่ยวกับหญิงชาวมุสลิมอายุ 17 ปี ในรัฐนอร์ทดาโคตาที่ถูกพ่อของตัวเองใช้อาวุธปืนจี้หัวเมื่อรู้ว่าเธอเป็นเลสเบี้ยน ในบทความดังกล่าวมีการอ้างถึงตัวฮาบิบเองเพื่อบอกว่ามุสลิมที่สนับสนุนกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศมีอยู่จริงราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด ทำให้ฮาบิบสงสัยว่าถ้ามีเรื่องของผู้มีความหลากหลายทางเพศชาวคริสต์พวกเขาจะถูกนำไปอ้างอิงถึงในบทความเกี่ยวกับพ่อกับลูกสาวชาวคริสต์นิกายอีแวนเจลิกหรือไม่

ฮาบิบ ระบุว่ารูปแบบสองมาตรฐานเช่นนี้ยังคงปรากฏต่อไปหลังเหตุการณ์สังหารที่ออร์แลนโดหลังจากที่พ่อของมาทีนให้สัมภาษณ์ว่าลูกชายของเขาน่าจะมีแรงจูงใจในการก่ออาชญากรรมครั้งนี้หลังจากที่เห็นผู้ชาย 2 คนจูบกันในไมอามีสองเดือนที่แล้วแต่ก็พยายามบอกว่า "เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรเลยกับศาสนา"  และฮาบิบเชื่อว่าในช่วงอีกไม่กี่วันและไม่กี่สัปดาห์หลังจากนี้จะมีสื่อต่างๆ วิเคราะห์เชื่อมโยงศาสนาอิสลาม กับการก่อการร้ายและความหวาดกลัวคนรักเพศเดียวกันอย่างไม่มีเหตุผล

ในแง่นี้ฮาบีบเน้นย้ำว่าพอมีชาวมุสลิมที่หลงผิดไปในทางอาชญากรรมก่อความรุนแรงทีไรศาสนาและศาสนิกชนทุกคนก็จะต้องถูกสงสัยในแบบที่ไม่เกิดขึ้นกับศาสนาอื่น ซึ่งแม้กระทั่งผู้มีความหลากหลายทางเพศชาวมุสลิมก็จะถูกสงสัยไปด้วย ทำให้ชาวมุสลิมต้องระวังเป็นพิเศษเพราะกลัวว่าจะถูกโจมตีจากคนที่หวาดกลัวอิสลามอย่างไม่มีเหตุผล และองค์กรมุสลิมต้องคอยรับผิดชอบออกแถลงการณ์ขอโทษแทนการกระทำของพวกกลุ่มก่อการร้ายอยู่ทุกครั้ง

ในเรื่องที่ว่าอะไรทำให้คนๆ หนึ่งออกไปสังหารผู้บริสุทธิ์ได้ อาเรีย ครุกแลนสกี ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยแมรีแลนด์เคยศึกษาคำพูดสุดท้ายของผู้ก่อเหตุระเบิดพลีชีพพบแบบแผนอย่างหนึ่งคือ แรงจูงใจของผู้ก่อเหตุจะมาจากการอยากทำให้ตัวเองเป็นคนมีความสำคัญและการค้นหาความหมายของชีวิตในแบบที่พวกเขาถูกล้างสมองให้เชื่อว่าความหมายของชีวิตจะมาในช่วงหลังความตายเท่านั้น แต่ชาวมุสลิมโดยทั่วไปแล้วไม่ได้มีประสบการณ์แบบนี้เป็นส่วนน้อยเท่านั้นที่ถูกล้างสมองแบบดังกล่าว

"เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเข้าใจว่าอิสลามถูกกดขี่จากพวกหัวรุนแรงทางศาสนาทั่วทั้งโลก บ่อยครั้งที่มีเหตุโจมตีต่อมุสลิมรายอื่นๆ" ฮาบิบระบุในบทความ

เธอยกตัวอย่างกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งในปากีสถานที่สังหารผู้คนไปมากกว่า 70 คน และบอกว่าทั้งจากเหตุการณ์นี้และเหตุการณ์ที่ออร์แลนโดทำให้เชื่อได้ว่ามันไม่ควรจะกลายเป็น "การแบ่งเขาแบ่งเรา" ทุกคนล้วนเผชิญกับโศกนาฏกรรมด้วยกันทั้งนั้น

"แล้วฉันก็บอกคุณได้จากความรู้สึกโดยตรงเลยว่า ฉันเป็นมุสลิมผู้รักสันติที่รู้สึกโกรธกับการโจมตีด้วยความหวาดกลัวคนรักเพศเดียวกันอย่างไม่มีเหตุผลมากเท่ากับคนอื่นๆ ทุกคน และการรู้สึกเช่นนี้เป็นเรื่องปกติ" ฮาบีบระบุในบทความ



เรียบเรียงจาก

Queer Muslims exist – and we are in mourning too, The Guardian, 12-06-2016
http://www.theguardian.com/commentisfree/2016/jun/12/queer-muslims-mourning-orlando-nightclub-shooting
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net