ยังไม่เคาะ กรณีปิดพีซทีวี ส่งเรื่องกลับอนุเนื้อหา พิจารณาใหม่

ที่ประชุม กสท. มอบหมายให้คณะอนุกรรมการด้านผังรายการฯ พิจารณาช่องพีซ ทีวี ก่อนเสนอต่อที่ประชุม กสท.อีกครั้ง

13 มิ.ย. 2559 ภักดี มะนะเวศ รองเลขาธิการ กสทช.สายงานกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ครั้งที่ 19/2559 ได้พิจารณาเรื่องร้องเรียน กรณีบริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด ได้ยื่นเอกสารคัดค้านการพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ช่องรายการ พีซ ทีวี ต่อ กสท. โดยที่ประชุมมอบหมายให้คณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการนำเอกสารดังกล่าวไปรวมพิจารณากับเรื่องดังกล่าว แล้วนำเสนอที่ประชุม กสท. อีกครั้ง

ส่วนกรณีวอยซ์ทีวี สุภิญญา กลางณรงค์ หนึ่งในกรรมการ กสท. และ กสทช. ทวีตว่า มติยังมีความสับสนเล็กน้อย เพราะเสียงแตกมาก กสท.ยังไม่ฟันธงว่าขัดมาตรา 37 แต่เหมือนจะให้สำนักงานเตือน อย่างไรก็ตาม ต้องขอดูร่างมติก่อน

"ประเด็นทางกฎหมายตามมาตรา 37 คือ ถ้ามติไม่สรุปว่าผิด จะออกคำสั่งเตือนในฐานอะไร จุดนี้ยังสับสน ขอรอความชัดเจนจากการรับรองมติก่อนค่ะ" สุภิญญาระบุและว่า ส่วนตัวเห็นว่ายังไม่ขัดทั้งมาตรา 37 และ ประกาศ คสช. จึงยังไม่ต้องมีโทษทางปกครอง แต่อาจมีประเด็นเรื่องความเป็นกลาง ซึ่งเป็นมิติจรรยาบรรณ

ด้านมติชนออนไลน์ รายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตัวแทนจากสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่อง พีซ ทีวี ได้เดินทางมาที่ สำนักงาน กสทช. ตึก EXIM Bank ถนนพหลโยธิน เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านการพิจารณาโทษทางปกครองสูงสุด หรือเพิกถอนใบอนุญาตออกอากาศ

โดย อรุโณทัย ศิริบุตร หัวหน้าผู้ประกาศข่าว หนึ่งในตัวแทนของสถานี กล่าวว่า การที่มาในวันนี้ ก็เพื่อคัดค้านมติคณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการ ตามที่คุณสุภิญญา กลางณรงค์ ออกมาเปิดเผยว่า จะมีการพิจารณาใน 3 รายการคือ “เข้าใจตรงกันนะ” วันที่ 11 และ 21 มีนาคม 59 รายการ “เข้มข่าวดึก” วันที่ 24 มีนาคม 59 และ รายการห้องข่าวเล่าเรื่องค่ำวันที่ 28 มีนาคม 59 ว่าจะมีการพิจารณาสูงสุดคือเพิกถอนใบอนุญาต

รายงานระบุว่า ตามเนื้อหาหนังสือคัดค้านระบุว่ารายการที่พบว่ามีปัญหา เนื่องจากเนื้อหาต้องห้ามไม่ให้ออกอากาศตามประกาศ คสช.ฉบับ ที่ 97/2557 และ103/2557 และเป็นการขัดต่อเงื่อนไขการออกอากาศตามบันทึกข้อตกลงที่ทำร่วมกับ กสทช. เนื่องจากรายการดังกล่าว แสดงความคิดเห็นทางการเมือง โดยเฉพาะการวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นร่างรัฐธรรมนูญและการลงประชามติ

อรุโณทัยระบุว่า จากการดูคำสั่ง คสช.ทั้ง 2 ฉบับนี้ ไม่มีการลงโทษใดเลยของ คสช. ที่นำไปสู่การเพิกถอน อย่างมากแค่การระงับ ถ้ามีปัญหาที่รายการ ก็ระงับเฉพาะรายการนั้น ถ้ามีการลงโทษที่เลยเถิด จะนำไปสู่ผลกระทบต่อการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน และกระทบต่อพนักงานอีก 100 ชีวิต ที่ตกงานอย่างกะทันหัน จึงร้องเรียนขอให้คณะกรรมการพิจารณาอย่างเป็นธรรม เพราะว่า ประกาศ คสช.ทั้ง 2 ฉบับระบุว่า ถ้ามีการกระทำผิดในฐานะสื่อมวลชนหรือสถานี ก็ใช้หน่วยงานที่รับผิดชอบ ใช้กฎหมายของตัวเองพิจารณา จึงสรุปว่าลงโทษตามมาตรา 37 ของ กสทช. ตามที่คุณสุภิญญาระบุ เราจึงมายื่นขอความเป็นธรรมและคัดค้านมติของคณะอนุกรรมการด้านเนื้อหาฯ

นอกจากนี้ อรุโณทัยระบุว่า สำหรับมาตรการของสถานี และ นปช.นั้น หากคณะกรรมการฯมีมติเพิกถอน ก็จะใช้การออกอากาศบนระบบออนไลน์ ผ่านยูทูบหรือมาตรการอื่นตามที่ผู้บริหารพิจารณาจะยื่นต่อองค์กรต่างๆ หรือไม่ ซึ่งในทางของ นปช. หากมีการปิดศูนย์ปราบโกงประชามติ ก็มีการยื่นหนังสือถึงอียู หรือองค์กรอื่นเพื่อเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ ซึ่งอยู่ในช่วงประชามติ เชื่อว่าการทำงานของเราไม่นำไปสู่การปลุกปั่น ยั่วยุ ความวุ่นวายในบ้านเมืองตามที่ถูกกล่าวหา

ขณะที่ทนายของสถานีพีซ ทีวี ระบุว่า ได้เตรียมข้อมูลเพื่อคัดค้านมตินี้ไว้แล้ว แต่หากมีมติเพิกถอน ก็จะไปยื่นเรื่องต่อศาลปกครองในทันที

สำหรับสถานีพีซ ทีวี เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2558 จนนำไปสู่การออกอากาศบนโลกออนไลน์ และต่อมา ศาลปกครองได้ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2558 จนกระทั่งคณะอนุกรรมการได้มาพิจารณาอีกครั้งในวันนี้ 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท