Skip to main content
sharethis

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ชมคณะทำงานกรมคุ้มครองสิทธิฯ หลังครม. มีมติรับร่างพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามทรมานและอุ้มหาย และ ประเทศไทยจะให้สัตยาบันอนุสัญญาสากลห้ามอุ้มหาย พร้อมส่งต่อสนช. ชี้ร่าง กม.ห้ามการทรมาน อุ้มหายโดยจนท.รัฐ มีความผิดอาญาแม้ในสถานการณ์ความไม่มั่นคง

24 พ.ค. 2559  มูลนิธิผสานวัฒนธรรม แจ้งว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบ พ.ร.บ. ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย พ.ศ. ….  และมีมติให้ประเทศไทยให้สัตยาบันอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับขององค์การสหประชาชาติ  โดยร่างฉบับนี้ยังต้องมีกระบวนการผ่านการพิจารณาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไปก่อนประกาศใช้เป็นกฎหมาย

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ขอชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่รวมทั้งผู้บริหารประจำกระทรวงยุติธรรม โดยเฉพาะกรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพที่จัดให้มีการทำงานร่วมกันระหว่างนักวิชาการและภาคประชาชนตั้งแต่ปีพ.ศ. 2557 โดยได้ริเริ่มให้มีการร่างกฎหมายเฉพาะที่กำหนดให้ทั้งการทรมานและการอุ้มหายเป็นความผิดทางอาญาที่มีบทลงโทษที่เหมาะสมต่อความร้ายแรงของการกระทำความผิด โดยการทรมานและการบังคับให้สูญหายเป็นการกระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐหรือบุคคลอื่นที่ยุยง ยินยอม หรือรู้เห็นเป็นใจโดยเจ้าหน้าที่รัฐ  ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย พ.ศ. …. ได้นำหลักการด้านสิทธิมนุษยชนสากลตามพันธกรณีที่ประเทศไทยพึงนำมาแก้ไขกฎหมายในประเทศให้สอดคล้องตามอนุสัญญาสำคัญสองฉบับคือ อนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี   และอนุสัญญาคุ้มครองบุคคลไม่ให้ถูกบังคับให้สูญหาย ขององค์การสหประชาชาติ

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ระบุว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีมาตรการสอดคล้องกับหลักสากลที่ทันสมัย เช่น ห้ามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหายโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์สงคราม สถานการณ์ฉุกเฉินและสถานการณ์ความไม่มั่นคง มีการกำหนดให้เป็นความผิดทางอาญาและมีบทลงโทษที่เหมาะสมกับความร้ายแรงของการกระทำความผิดโทษตั้งแต่ 5ปี15 ปี ส่วนในกรณีผู้ถูกทรมานเสียชีวิต ต้องระวางโทษจำคุก 15-30 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต โดยมีการกำหนดนิยามของความผิดทั้งสองสอดคล้องกับหลักการสากล  อีกทั้งมีบทบัญญัติเรื่องการลงโทษเจ้าหน้าที่ที่ยุยง ยินยอมหรือรู้เห็นในฐานะผู้บังคับบัญชาในข้อหาดังกล่าวต้องรับผิดร่วมด้วย 

ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีมาตรการป้องกันการทรมานและอุ้มหายโดยเฉพาะกำหนดข้อปฏิบัติในการควบคุมตัวบุคคลในสถานที่ควบคุมตัว ห้ามการควบคุมตัวลับ การจัดตั้งคณะกรรมการสืบสวนสวบสวนและรับเรื่องร้องเรียน ฯลฯ โดยมีความหวังว่าร่างพรบ.ฉบับนี้แม้จะยังไม่สมบูรณ์และอาจมีปัญหาในทางปฏิบัติเช่นขาดความเป็นอิสระที่แท้จริง  ความเชี่ยวชาญของคณะกรรมการฯ  การมีส่วนร่วมของญาติและผู้เสียหาย  ช่องทางการช่วยเหลือญาติและเหยื่อรวมทั้งการเยียวยาด้านจิตใจ การคุ้มครองพยานเป็นต้น

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ข้อเสนอแนะว่า ให้ประเทศไทยเร่งพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้และดำเนินการให้การบังคับใช้กฎหมายสอดคล้องกับอนุสัญญาระหว่างประเทศที่ไทยลงนามหรือเป็นรัฐภาคี  และการแก้ไขปรับเปลี่ยนโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหากมีข้อให้คงไว้ซึ่งมาตรฐานสากลและไม่เปลี่ยนแปลงเนื้อหาต่างไปจากร่างเดิมในเนื้อหาสาระสำคัญ  รวมทั้งการให้ความรู้เรื่องกฎหมายฉบับนี้ต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างต่อเนื่องและให้ได้ประสิทธิผลในการป้องกันทรมานและอุ้มหายได้จริง

การกำหนดการทรมานและการอุ้มหายเป็นความผิดอาญาเป็นกรอบทางกฎหมายเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญที่แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยยืนยันกับประชาคมระหว่างประเทศว่า “การทรมานและการบังคับให้สูญหายเป็นการกระทำที่ห้ามโดยเด็ดขาดและผิดกฎหมายอาญา” ไม่ว่าสถานการณ์ใดใด และประเทศไทยก็จะต้องจัดให้มีแนวทางนำกฎหมายฉบับนี้มาบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงจะสะท้อนให้เห็นว่าบัดนี้ประเทศไทยจะเอาจริงเอาจังต่อการต่อต้านการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหายและดำเนินการให้มีการสอบสวนและคลี่คลายคดีที่ยังหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้  โดยร่างฉบับนี้ยังต้องมีกระบวนการผ่านการพิจารณาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป

นิยามตามร่าง พ.ร.บ.

(1) “การทรมาน” หมายความว่า การกระทาที่ทาให้เกิดความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมาน อย่างร้ายแรงแก่ร่างกายหรือจิตใจต่อบุคคลหนึ่งบุคคลใดเพื่อที่จะให้ได้มาซึ่งข้อมูลหรือคาสารภาพจากบุคคลนั้นหรือจากบุคคลที่สาม เพื่อการลงโทษบุคคลนั้นสาหรับการกระทาซึ่งบุคคลนั้นหรือบุคคลที่สามได้กระทาหรือ ถูกสงสัยว่าได้กระทาการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อข่มขู่หรือขู่เข็ญบุคคลนั้นหรือบุคคลที่สาม หรือเพราะเหตุผล อื่นใดบนพื้นฐานของการเลือกปฏิบัติโดยการกระทาดังกล่าวเป็นการกระทาโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือโดย การยุยงโดยความยินยอม หรือโดยการรู้เห็นเป็นใจของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือของบุคคลอื่นซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการ โดยไม่รวมถึงความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมานที่เกิดจาก หรือสืบเนื่องมาจากการลงโทษที่ชอบ ด้วยกฎหมาย
 
(2) “การกระทาหรือการลงโทษที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรมหรือที่ย่ายีศักดิ์ศรี” หมายความว่า การกระทา ที่ทาให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจต่อบุคคลหนึ่งบุคคลใดที่มิใช่การกระทาทรมาน โดยการกระทาดังกล่าวเป็นการกระทาโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือโดยการยุยง โดยความยินยอม หรือโดยการรู้เห็นเป็นใจของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือของบุคคลอื่นซึ่งปฏิบัติหน้าที่ราชการ ทั้งนี้ไม่รวมอันตรายจากการลงโทษที่ชอบด้วยกฎหมาย
 
(3) “การบังคับบุคคลให้สูญหาย” หมายความว่า การจับกุมคุมขังลักพาหรือกระทาการด้วยประการใดที่เป็นการลิดรอนเสรีภาพในร่างกายต่อบุคคลซึ่งกระทาโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือโดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ได้รับคาสั่งการสนับสนุนหรือการรู้เห็นเป็นใจจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ และมีการปฏิเสธว่ามิได้มีการจับกุม คุมขังลักพาหรือกระทาการด้วยประการใดที่เป็นการลิดรอนเสรีภาพในร่างกายของบุคคลนั้น หรือปกปิดชะตากรรมหรือที่อยู่ของบุคคลนั้น
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net