ฅนรักษ์บ้านเกิดบำเหน็จณรงค์ขอทหารหยุดคุกคามชาวบ้านที่ต่อสู้คัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน

22 พ.ค. 2559 กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดบำเหน็จณรงค์ ออกแถลงการณ์ "ขอให้ทหารหยุดคุกคามชาวบ้านที่ต่อสู้คัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน ของบริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด (มหาชน)" โดยระบุว่านับตั้งแต่ 16 กุมภาพันธ์ 2558 หลังรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกประทานบัตรให้แก่โครงการเหมืองแร่โพแทชและเกลือหินของบริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด (มหาชน) ที่อำเภอบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลในประเทศสมาชิกอาเซียน 6 ประเทศ ที่ร่วมกันจัดทำข้อตกลงพื้นฐานว่าด้วยโครงการอุตสาหกรรมอาเซียน ซึ่งเป็นโครงการที่มาทดแทนโครงการอุตสาหกรรมผลิตเกลือหินและโซดาแอชที่ถูกยกเลิกไปในปี 2532 โดยต่อมาเมื่อโครงการเหมืองแร่โพแทชและเกลือหินได้รับประทานบัตร บริษัทดังกล่าวก็ดำเนินการผลักดันโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขึ้นเพื่อใช้ในกิจการของเหมืองแร่
 
แรกเริ่มเดิมทีประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ไม่ได้คัดค้านเหมืองโปแตช อาจจะเป็นเพราะมองเห็นประโยชน์การจ้างงานมีรายได้ที่จะเกิดขึ้นในท้องถิ่นจึงยอมให้ ต่อมาหลังจากได้รับประทานบัตรในปีที่แล้ว บริษัทฯก็ประกาศผลักดันโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินควบคู่กันไปด้วยจึงรู้สึกเหมือนถูกตบหน้า โกหกหลอกลวง เพราะตลอด 20 กว่าปีที่ผ่านมานับตั้งแต่มีข้อตกลงอาเซียนว่าจะผลักดันเหมืองโปแตชขึ้นที่นี่ก็ไม่เคยมีแนวคิดอุตริที่จะก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินร่วมด้วย
 
เหตุเพราะว่าบทเรียนที่เกิดขึ้นจากเหมืองและโรงไฟฟ้าถ่านหินที่แม่เมาะและที่โรงไฟฟ้าถ่านหินจังหวัดระยองทำให้ชาวบ้านที่นี่พากันวิตกกังวลต่อผลกระทบต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมา กังวลถึงชีวิตลูกหลานในวันข้างหน้า กังวลว่าเมื่อโรงไฟฟ้าถ่านหินเริ่มดำเนินกิจการแล้วจะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งการเพิ่มกำลังการผลิตก็คือการเพิ่มสารพิษและมลพิษให้เกิดมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย จึงเกิดการรวมตัวกันคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ เพราะไม่อยากให้ชุมชนมีสภาพเหมือนที่แม่เมาะ จังหวัดลำปาง และที่จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ชัดถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บป่วยของประชาชนในพื้นที่ การอพยพโยกย้ายจากถิ่นฐานที่อยู่ หรือการไร้ที่ดินทำกิน รวมทั้งปัญหาการแย่งชิงทรัพยากรน้ำระหว่างชาวบ้านกับภาคอุตสาหกรรม
 
ประชาชนในพื้นที่จึงรวมกลุ่มกันขึ้นในนาม ‘กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดบำเหน็จณรงค์’ เพื่อลุกขึ้นมาคัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน โดยกลุ่มฯพยายามบอกกล่าวทั้งด้วยวาจา ทำหนังสือร้องเรียน สอบถามข้อมูล และยื่นหนังสือคัดค้านไปยังหน่วยงานราชการต่าง ๆ ที่รับผิดชอบ เช่น การร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม การยื่นสอบถามไปยังสถานฑูตอาเซียนทั้ง 6 ประเทศ การยื่นหนังสือคัดค้านบริษัทผู้ถือหุ้น เป็นต้น แต่ทางบริษัทฯก็มิได้นำพาต่อเสียงของประชาชนที่อาศัยโดยรอบเหมือง กลับยังคงผลักดันและเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินต่อไป 
 
โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในกรณีที่กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดบำเหน็จณรงค์มีการจัดกิจกรรมใดใดในพื้นที่มักถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐกดดันห้ามปราม ข่มขู่ด้วยมาตรา 44 พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ มีการส่งสายสืบทั้งตำรวจ ทหาร ทั้งในและนอกเครื่องแบบเข้ามาจับตา และบังคับให้กลุ่มฯขออนุญาตเจ้าหน้าที่รัฐทุกครั้งหากมีการจัดกิจกรรม โดยข่มขู่ว่าหากขัดขืดจะดำเนินการแจ้งความจับกุมประชาชนผู้ที่มาร่วมกิจกรรมและผู้จัดงาน ตัวอย่างเช่น กรณีทหารอ้าง ม.44 สั่งถอดเสื้อชาวบ้านที่พิมพ์ข้อความคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินบนเสื้อรณรงค์ในเวทีการประชุมคณะกรรมการไตรภาคีของกิจการเหมืองแร่ฯ กรณีทหารสั่งห้ามจัดผ้าป่าสามัคคีซึ่งเป็นกิจกรรมตามประเพณี จนชาวบ้านต้องเปลี่ยนสถานที่จัดงานถึงสามครั้ง ทั้งยังมีการติดตามข่มขู่จากชายฉกรณ์เพื่อกดดันไม่ให้เจ้าของสถานที่เอกชนอนุญาตให้กลุ่มฯจัดกิจกรรมทอดผ้าป่าสามัคคีในเดือนมีนาคม 2559 ที่ผ่านมา แม้แต่การติดป้ายคัดค้านบริเวณจุดต่าง ๆ ในพื้นที่สาธารณะและพื้นที่ส่วนบุคคลเช่นรั้วบ้านตนเองก็บอกว่าผิดกฎหมาย ในขณะที่ฝ่ายบริษัทฯสามารถจัดกิจกรรมสนับสนุนเหมืองได้โดยไม่ต้องขออนุญาตแต่อย่างใด
 
รวมทั้งมีการใช้กลไกการปกครองในพื้นที่ข่มเหงจิตใจชาวบ้านซ้ำเติม เช่น ผู้ใหญ่บ้านกำนันในพื้นที่ข่มขู่ชาวบ้านว่าถ้าใครออกมาคัดค้านหรือต่อต้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินหากมีโครงการใด ๆ ของรัฐเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นเงินชดเชยภัยแล้งน้ำท่วม เงินกองทุนหมู่บ้านจะไม่ดำเนินการให้กับบุคคลที่ออกมาต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน เป็นต้น 
 
ล่าสุดการข่มขู่คุกคามจากทหารยิ่งรุนแรงมากขึ้น เช้าของวันที่ 21 พฤษภาคม 2559 เวลาประมาณ 10.50 น. มีทหารแต่งชุดลายพราง 2 คน เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบ 1 คน พร้อมผู้ใหญ่บ้านบ้านเพชร หมู่ 2 ต.บ้านเพชร อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ ขับรถกะบะสีบอรนซ์สี่ประตู และรถเก๋งหนึ่งคัน เข้าไปจอดที่หน้าบ้านของนายเสมอ เถินมงคล ผู้เข้าร่วมคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินกับกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดบำเหน็จณรงค์ จากนั้นเดินเข้ามาถามหาตัวนายเสมอกับพ่อและน้องสาวว่า นายเสมออยู่ไหน นายอยากคุยด้วยเพราะนายเสมอเป็นแกนนำคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน แต่ไม่พบตัวนายเสมอเนื่องจากออกไปทำงาน เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงขับรถออกไปหายังที่ทำงานของนายเสมอแต่ก็ไม่พบตัว จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงย้อนกลับมาถ่ายภาพบ้านและน้องสาวของนายเสมออีกครั้งก่อนขับรถออกไป
 
จากเหตุการณ์ที่ดำเนินมาตั้งแต่เริ่มมีการผลักดันโรงไฟฟ้าถ่านหินจนถึงขณะนี้ ท่ามกลางความขัดแย้งและการใช้อำนาจทุกวิถีทาง การวางตัวไม่เป็นกลางของเจ้าหน้าที่รัฐ และการไม่ได้รับความเป็นธรรม ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความหวาดกลัว หวาดระแวง คับแค้นใจ และเกิดทัศนะคติที่ไม่ดีต่อเจ้าหน้าที่รัฐ และสร้างความไม่พอใจไปยังเหมืองโปแตชซึ่งเป็นฉนวนเหตุสำคัญในการริเริ่มก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ดังนั้นแล้ว หากรัฐบาลที่อ้างว่าจะมาคืนความสุขให้แก่ประชาชน ขอจงได้หยุดการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐอันเป็นการกระทำที่ขัดแย้งกับการสร้างความสุข และขอให้วางตัวให้เป็นกลาง ให้ความยุติธรรมกับประชาชน หยุดติดตามและห้ามปรามการแสดงออกซึ่งสิทธิและเสรีภาพของประชาชน และสิทธิชุมชนในการปกป้องวิถีชีวิต วิถีชุมชน สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมอันดีงาม อันเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน
 
ท้ายที่สุด กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดบำเหน็จณรงค์ขอแถลงจุดยืนต่อสู้คัดค้านโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในทุกกรณี และพวกเราทุกคนจะยืนหยัดต่อสู้ไปด้วยกันกับนายเสมอ เถินมงคล แม้ต้องเผชิญสถานการณ์ภายใต้การกดขี่ ข่มขู่ คุกคาม ห้ามปราม หรือมองชาวบ้านเป็นศัตรูต่อความมั่นคงของรัฐ และสร้างความวุ่นวายปั่นป่วนให้กับนายทุนถ่านหินที่เจ้าหน้าที่รัฐคอยอุ้มชูก็ตาม เราจะยืนหยัดเคียงบ่าเคียงไหล่กับนายเสมอ เถินมงคลด้วยสองมือเปล่าอย่างสันติธรรม
 
ในวาระครบรอบรัฐประหารสองปี ท่ามกลางการกวาดจับประชาชนผู้เห็นต่างในเรื่องความคิดทางการเมือง ทั้งที่เป็นสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่ประชาชนทุกคนควรแสดงออกได้โดยไม่ถูกคุกคามและจับกุมคุมขัง อำนาจรัฐที่มากล้นของทหารได้ทำให้ทหารในจังหวัดชัยภูมิกลายเป็นทหารรับจ้างหาลำไพ่พิเศษด้วยการกดขี่คุกคามสิทธิและเสรีภาพของประชาชนที่ต่อสู้คัดค้านเหมืองแร่โปแตชและโรงไฟฟ้าถ่านหินที่อำเภอบำเหน็จณรงค์ เพื่อจะยัดเยียดข้อหารุนแรงให้นายเสมอ เถินมงคลตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 13/2559 ที่มองเห็นประชาชนที่ออกมาต่อสู้คัดค้านโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินว่าเป็นพวกที่มีภยันตรายต่อความสงบเรียบร้อยหรือบ่อนทำลายระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ 
 
ในนามกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดบำเหน็จณรงค์ ขอขอบคุณชาวบ้านทุกคน ทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ที่ร่วมกันต่อสู้คัดค้านตลอดระยะกว่า 1 ปีที่ผ่านมา และขอขอบคุณกัลยาณมิตรจากทั่วทุกสารทิศที่ส่งทั้งพลังกายและใจร่วมต่อสู้เพื่อปกป้องถิ่นฐานบ้านเกิดและโลกใบนี้ของพวกเรา เราจะสู้ด้วยสองมือเปล่าอย่างมั่นคงแข็งแกร่งทั้งในวันนี้และวันข้างหน้า ด้วยเป้าหมายอันมุ่งมั่นแน่วแน่ว่าเราจะส่งต่อแผ่นดินที่สงบสุขปราศจากมลพิษให้กับลูกหลานของเรา
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท