ชาวเชียงใหม่รณรงค์ไม่เอาหมอกควัน

ชาวเชียงใหม่-นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติรวมตัวกันเพื่อร่วมกิจกรรม “เชียงใหม่ไม่เอาหมอกควัน” ร่วมกันชูป้ายข้อความและพร้อมใจกันสวมใส่หน้ากากอนามัย รวมทั้งแจกจ่ายหน้ากากอนามัย ตลอดจนมีการไหว้ขอพรจากพระญามังรายช่วยดลบันดาลให้สถานการณ์ปัญหาหมอกควันคลี่คลาย
 
 
 
 
 
24 เม.ย. 2559 เนชั่นทันข่าว รายงานว่าเมื่อเวลา 17.00 น.ที่ลานข่วงอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ กลุ่มประชาชนชาวเชียงใหม่ รวมทั้งนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจำนวนหลายร้อยคน รวมตัวกันเพื่อร่วมกิจกรรม “เชียงใหม่ไม่เอาหมอกควัน” หรือ Bye Bye Smog โดยร่วมกันชูป้ายข้อความและพร้อมใจกันสวมใส่หน้ากากอนามัย รวมทั้งแจกจ่ายหน้ากากอนามัย และร่วมเล่นเครื่องดนตรีและร้องเพลงขับกล่อม ตลอดจนมีการไหว้ขอพรจากพระญามังราย ผู้ก่อตั้งเมืองเชียงใหม่ ให้ช่วยดลบันดาลให้สถานการณ์ปัญหาหมอกควันคลี่คลาย 
 
ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้เป็นการรณรงค์เชิงสัญลักษณ์ ให้ผู้คนในจังหวัดเชียงใหม่ตระหนักถึงอันตรายจากปัญหาหมอกควันและสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา รวมทั้งเกิดความตื่นตัวในการร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหา และเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาอย่างเกิดผลเป็นรูปธรรม หลังจากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาและหลายปีที่ผ่านมาจังหวัดเชียงใหม่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาหมอกควันไฟป่าและมลพิษอากาศที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการเผาในที่โล่ง ทั้งการเผาพื้นที่เกษตรและป่าสงวน 
 
นายจักรภัทร พร้อมญาติ หัวหน้ากลุ่ม SILENT GEN Y ซึ่งเป็นกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่และหลายสถาบันในจังหวัดเชียงใหม่ ที่เป็นหนึ่งในแกนนำที่ริเริ่มการรณรงค์ครั้งนี้ เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นการรวมพลังร่วมกับชาวเชียงใหม่ทุกภาคส่วนเพื่อแสดงพลังให้ผู้คนในจังหวัดเชียงใหม่ตระหนักถึงอันตรายจากปัญหาหมอกควันและสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา รวมทั้งเกิดความตื่นตัวในการร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหา และเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาอย่างเกิดผลเป็นรูปธรรม 
         
โดยในส่วนของกลุ่มได้มีการรวมตัวและเคลื่อนไหวทำกิจกรรมทั้งผ่านโซเชียลมีเดียและตามจุดต่างๆ ทั่วเชียงใหม่มาตลอดช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งได้ผลตอบรับดีในระดับหนึ่ง แต่เห็นว่าจะเป็นการดีกว่าหากผู้คนในวงกว้างเกิดความตระหนักและทุกภาคส่วนร่วมมือกันแก้ไขปัญหานี้ที่เป็นปัญหาร่วมกันของทุกคนและทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการป้องกันแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ในส่วนของกลุ่มจะพยายามรณรงค์เคลื่อนไหวในประเด็นนี้ต่อไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงเฉพาะช่วงที่เกิดปัญหาเท่านั้น โดยหวังว่าทุกภาคส่วนก็จะมีความตระหนักและตื่นตัวอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน เพื่อลดความรุนแรงหรือไม่ให้เกิดปัญหานี้ขึ้นอีก 
 
นายพรชัย จิตรนวเสถียร นายกสมาคมธรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า แม้ว่าในอดีตทางภาคเหนือจะมีการเผาป่าตามฤดูอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นใหม่นี้แตกต่างออกไป ตั้งแต่โรงงานอาหารสัตว์ เริ่มมีการตั้งโรงงานผลิตขนาดใหญ่ ในภาคอีสาน และภาคเหนือ ตั้งแต่ 2542 เป็นต้นมา การเผาวัชพืช ขยะพืชไร่ ทำให้สถานการณ์หมอกควันเริ่มเกิดขึ้นและขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งล่าสุดสถานการณ์ร้ายแรง ที่สุดในปีนี้ เพราะปกติแล้วสถานการณ์หมอกควันในทุกปีจะสิ้นสุดประมาณปลายเดือนมีนาคม แต่ปีนี้กลับพบว่าขยายเวลามาจนถึงกลางเดือนเมษายน และปัจจุบันเกือบสิ้นเดือนเมษายนแล้ว สถานการณ์หมอกควันก็ยังคงไม่คลี่คลาย 
 
ผลกระทบด้านสุขภาพต่อประชาชน ย่อมเกิดขึ้น ตามข้อมูลของการวิจัยจากทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ก็พบว่า จังหวัดเชียงใหม่เป็นพื้นที่ ที่มีผู้ที่เป็นมะเร็งปอด หรือมีปัญหาทางด้านระบบทางเดินหายใจ สูงระดับต้นๆ ในภาคเหนือ ซึ่งแน่นอนว่ากระทบต่อคุณภาพชีวิต และต้นทุนในการดำเนินการรักษา ศักยภาพในการทำงานและดำเนินชีวิตก็ลดลง ไม่ไม่รวมถึงเยาวชน อนาคตของชาติที่ได้รับผลในระยะยาว โดยเฉพาะปีนี้สืบเนื่องจากสถานการณ์หมอกควันที่รุนแรงทำให้กระทบต่อสภาพเศรษฐกิจอย่างมาก จากทุกๆ ปีในช่วงต้นเดือนเมษายน จนถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะมีการจองห้องพักเป็นจำนวนมาก หรือกว่าร้อยละ 90 จะมีการจองล่วงหน้าเพื่อมาเที่ยวสงกรานต์ แต่ปีนี้กลับลดลงเหลือไม่ถึง ร้อยละ 65 ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งถือว่าร้ายแรงมาก 
 
ผลเสียที่มีทุกด้านทั้งสุขภาพ เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สังคม แต่ผลประโยชน์กลับไปตกที่กลุ่มนายทุน จากตัวเลขของสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ จำนวนพื้นที่เพาะปลูกพืชเลี้ยงสัตว์จำนวนกว่า 7 ล้านไร่ แต่พบว่าเป็นพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์เพียง 2 ล้านไร่ ส่วนที่เหลือเป็นพื้นที่บุกรุกป่า พื้นที่ปลูกข้าวโพดดังกล่าวจึงไม่มีต้นทุนราคาซื้อขายที่ดิน ไม่ต้องมีต้นทุนการดูแลสิ่งแวดล้อม หรือจ่ายภาษี ส่งผลให้เกิดการค้าที่เอาเปรียบประชาชน ซึ่งไม่เพียงแค่คนเชียงใหม่เท่านั้นที่เดือดร้อนแต่ยังส่งผลเป็นลูกโซ่ กระทบไปทั้งประเทศ ทั้งเรื่องภัยแล้ง น้ำทะเลหนุนสูงเพราะไม่มีน้ำดันจากแม่น้ำปิงวังยมน่านที่ไหลลงเจ้าพระยา และเมื่อป่าอุ้มน้ำไม่ได้ก็เกิดน้ำท่วม 
 
“ในวันนี้จึงอยากจะแสดงจุดยืนและเรียกร้องสิทธิ ที่จะสามารถหายใจอากาศบริสุทธิ์ รวมทั้งสะท้อนสถานการณ์ที่แท้จริงให้คนทั่วไปได้รับทราบ ว่าปัญหาไม่ได้มาจากไฟไหม้ป่า และรัฐบาลควรแก้ให้ถกจุดและใช้งบประมาณให้เป็นประโยชน์ เมื่อเห็นไฟไหม้ป่า แท้จริงแล้วเป็นป่าที่ถูกบกรุกโดยการปลูกข้าวโพด และเผาซังข้าวโพด เมื่อควบคุมไม่ได้ลุกลามเข้าป่า ก็เกิดเป็นป่าเสื่อมโทรม ที่เอื้อให้ไร่ข้าวโพดค่อยๆลุกลามคืบคลานเข้าไปเรื่อยๆ เป็นวัฐจักรเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง และสุดท้ายเราก็จะไม่เหลือป่า และไม่เหลือพื้นที่ธรรมชาติให้คนรุ่นหลังต่อไป”นายพรชัย กล่าว 
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท