Skip to main content
sharethis

17 เม.ย.2559 จากกรณีที่โซเชีลเน็ตเวิร์กเผยแพร่เอกสารเรื่องการบรรจุทหารกองหนุนเข้ารับราชการและแต่งตั้งยศทหาร ซึ่งเป็นการบรรจุให้ ปฏิพัทธ์ จันทร์โอชา บุตรชาย พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นนายทหารปฏิบัติการกิจการพลเรือน สังกัดกองทัพภาคที่3 รับเงินเดือน 1.5 หมื่นบาท และได้รับการแต่งตั้งยศเป็นว่าที่ร้อยตรีด้วย โดย พล.อ.ปรีชา ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้เป็นผู้ลงนามอนุมัติ

จนกระทั่ง 15 เม.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.ปรีชา ได้เปิดเผยกับ สำนักข่าวอิศรา โดย พล.อ.ปรีชา ยืนยันว่า "ลูกชายจบปริญญาตรีมา ก็ต้องทำงาน เมื่อมีตำแหน่งว่าง ก็ให้เข้ามาทำงาน ซึ่งก็มีหลายคนในกองทัพที่ทำแบบนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่ลูกชายพี่คนเดียวที่ทำแบบนี้ได้ เอาแค่นี้ก่อนนะ" (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม)  

กลาโหมแจงบรรจุพลเรือนเป็นทหารปกติในทุกปี แทนกำลังพลเกษียณ

ล่าสุดวันนี้ (17 เม.ย.59) เฟซบุ๊กแฟนเพจโฆษกกระทรวงกลาโหมและมติชนออนไลน์ รายงานว่า พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีการบรรจุเข้ารับราชการของลูกนายทหารชั้นผู้ใหญ่บางท่านที่ผ่านมาว่า กองทัพได้บรรจุบุคคลพลเรือนเข้ารับราชการทหารเพื่อทดแทนกำลังพลที่เกษียณอายุราชการเป็นปกติในทุกปี ตามหลักเกณฑ์และคุณสมบัติที่กระทรวงกลาโหมกำหนด โดยยังคงพิจารณาสัดส่วนที่ลดลง เพื่อคงยอดกำลังพลรวมให้เป็นไปตามแผนปรับลดกำลังพล ให้กองทัพมีขนาดที่เหมาะสม ทันสมัยและมีความคล่องตัวที่จะสามารถตอบสนองการปกป้องผลประโยชน์ชาติได้อย่างทัดเทียมภูมิภาค กองทัพมีกำลังพลในทุกเหล่า ทั้งเหล่ารบ เหล่าสนับสนุนการรบและช่วยรบ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความชำนาญในสาขาวิชา และประสบการณ์ของบุคคลในแต่ละด้านร่วมกัน สำหรับขั้นตอนการบรรจุบุคคลนั้น ผู้บังคับหน่วยแต่ละหน่วยจะอนุมัติบุคคล บรรจุทดแทนตามตำแหน่งและอัตราที่ว่าง ผ่านคณะกรรมการคัดสรรของแต่ละหน่วยที่ตั้งขึ้น โดยพิจารณาจากผู้สมัครทุกคนที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ตามหลักเกณฑ์ ในสาขาที่ตรงกับความต้องในท้ายอัตราที่กำหนด ต่อจากนั้นจะเสนอเรื่องผ่านสายการบังคับบัญชาตามลำดับชั้น

พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม

พล.ต.คงชีพกล่าวว่า สำหรับการบรรจุและแต่งตั้งยศนายทหารสัญญาบัตรอยู่ในอำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยปลัดกระทรวงกลาโหมได้รับมอบอำนาจให้ทำการแทนและสั่งการในนามของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เนื่องจากในแต่ละปี ทุกเหล่าทัพมีการบรรจุและแต่งตั้งยศทหารจำนวนมากทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ สำหรับการมีลูกหลานพลเรือน ตำรวจ ทหารและข้าราชการอื่นๆ สมัครเข้ารับการบรรจุเป็นทหารจำนวนมากในแต่ละปีนั้น ถือเป็นเรื่องปกติที่กองทัพเปิดกว้างสำหรับทุกคนที่ประสงค์และสมัครใจรับใช้ชาติ ทั้งนี้ขออย่ามองตัวบุคคลเป็นประเด็นการเมือง กองทัพเป็นของประชาชน ทหารทุกคนคือประชาชนที่ยังคงต้องการความร่วมมือและกำลังใจจากเพื่อนร่วมชาติ ในการทำหน้าที่เป็นหลักประกันความมั่นคงของชาติ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของส่วนรวม

 

ศรีสุวรรณจ่อร้อง ป.ป.ช.-ผู้ตรวจการฯ พรุ่งนี้ สอบพล.อ.ปรีชา ชี้ผิดจริยธรรมกลาโหม-สนช.

ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ว่า วันพรุ่งนี้ เวลา 10.00-11.00 น. สมาคมฯ จะเข้ายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. และผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบ พล.อ.ปรีชา มีคำสั่งลับ อนุมัติบุตรชายเข้าเป็นนายทหาร ดังกล่าว  พร้อมระบุว่ากรณีดังกล่าวเข้าข่ายขัดต่อประมวลจริยธรรมกระทรวงกลาโหมแล้ว ในฐานะสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ถือเป็นตำแหน่งทางการเมือง จึงอาจขัดต่อพระราชบัญญัติ ป.ป.ช.และพระราชบัญญัติทางปกครอง พ.ศ.2539 มาตรา 13(3) ประกอบกับประมวลจริยธรรม  สนช.ด้วย 
 

อิศราเปิด 3 ทางบรรจุเข้ากองทัพ เผยวิธีพิเศษทำกำลังพลสูญเสียโอกาสเจริญก้าวหน้า

หลังจากสำนักข่าวอิศรา สัมภาษณ์ พล.อ.ปรีชา แล้ว วันนี้ ได้เผยแพร่ การบรรจุบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งในอัตราต่างๆ ของกองทัพ มีวิธีการดำเนินการอยู่ 3 วิธี หรือ 3 รูปแบบ คือ
 
1. เลื่อนฐานะ ส่วนใหญ่เป็นการเลื่อนฐานะจากทหารชั้นประทวนเป็นชั้นสัญญาบัตร มักเปิดสอบกันเองภายในหน่วย เพื่อรองรับข้าราชการทหารชั้นประทวนที่จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี หรือสาขาที่ตรงกับความต้องการของหน่วย หรือตรงกับคุณสมบัติตามอัตราตำแหน่งที่ว่าง
 
2. การรับบุคคลพลเรือนจากภายนอกเข้าเป็นทหาร มีทั้งชั้นประทวนและสัญญาบัตร วิธีการคือเปิดสอบเป็นการทั่วไป โดยให้แต่ละหน่วยที่ต้องการกำลังพลหรือมีอัตราว่างในตำแหน่งต่างๆ เสนอความต้องการไปที่หน่วยต้นสังกัด เช่น หน่วยของกองทัพบก ก็เสนอไปยังกองบัญชาการกองทัพบก, หน่วยของกองทัพไทย ก็เสนอไปยังกองบัญชาการกองทัพไทย เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อขออนุมัติเปิดสอบ ซึ่งอาจเปิดเฉพาะหน่วย หรือเปิดรับพร้อมๆ กับหน่วยอื่นที่มีความต้องการอัตรากำลังในห้วงเวลาเดียวกัน
 
3. การรับบุคคลพลเรือนเข้าเป็นทหารในสาขาวิชาเฉพาะ หรือผู้ที่มีคุณสมบัติพิเศษตามที่หน่วยต้องการ โดยมากเป็นสาขาวิชาหายากหรือที่กองทัพขาดแคลน หรือเป็นไปตามนโยบายของกองทัพ เช่น บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถด้านภาษาจีน, นักวิทยาศาสตร์ในสาขาที่ขาดแคลน เป็นต้น
 
วิธีการจะเป็นการรับวิธีพิเศษ ไม่มีเปิดสอบเป็นการทั่วไป แต่จะคัดเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติตรงตามที่ต้องการ แล้วบรรจุเข้ารับราชการโดยการอนุมัติของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจ เช่น ปลัดกระทรวงกลาโหม
 
ทั้งนี้ สำนักข่าวอิศรา ยังระบุด้วยว่า เป็นที่รู้กันดีว่าการรับบุคคลพลเรือนประเภทที่ 3 เปิดช่องให้บรรดาลูกหลานของผู้ใหญ่ในกองทัพเข้ารับราชการได้โดยไม่ผ่านการสอบตามกระบวนการปกติ ซึ่งมีมาทุกยุคทุกสมัย วิธีการที่ทำกันก็คือ การออกคำสั่งกำหนดคุณสมบัติของบุคลากรที่ต้องการบรรจุเข้ารับราชการให้ตรงตามคุณสมบัติและวุฒิการศึกษาของบุตรหลานผู้ใหญ่ในกองทัพที่ฝากฝังเข้ามา จากนั้นก็เสนอให้ผู้มีอำนาจลงนามอนุมัติ ก็เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ โดยส่วนใหญ่จะกระทำกันก่อนที่ผู้ใหญ่รายนั้นจะเกษียณอายุราชการ ถือเป็นเทศกาลหรือช่วงเวลาที่ทำกันเป็นประจำทุกปี
 
สำนักข่าวอิศรา รายงานอีกว่า จากการตรวจสอบข้อกฎหมายกับหน่วยทหารที่เกี่ยวข้อง ได้รับการยืนยันว่า การเปิดรับบุตรหลานของผู้ใหญ่ในกองทัพเพื่อบรรจุเข้ารับราชการโดยไม่ผ่านการสอบคัดเลือกนั้น หลายกรณีทำให้กำลังพลที่อยู่ในสายงานเดียวกัน และมีคุณสมบัติตรงตามอัตราตำแหน่งที่ว่าง ต้องสูญเสียโอกาสความเจริญก้าวหน้าไป ซึ่งสามารถฟ้องร้องต่อศาลปกครองได้ แต่ที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าดำเนินการ เพราะถือเป็นวัฒนธรรมของกองทัพที่ปฏิบัติกันมานานจนเป็นที่รับรู้กันดี
 
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net