Skip to main content
sharethis

15 เม.ย.2559 จากกรณีวานนี้ (14 เม.ย.59) วัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเซบุ๊กแฟนเพจ 'Watana Muangsook' ระบุว่า 13 เม.ย. ที่ผ่านมา ตนได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเรื่อง "ผมก็ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ" สาระสำคัญคือตนเห็นว่าขณะนี้้อยู่ในระหว่างการนำร่างรัฐธรรมนูญไปให้ประชาชนออกเสียงประชามติ ทุกฝ่ายรวมถึงพรรคการเมืองย่อมมีเสรีภาพที่จะแสดงความคิดเห็นทั้งในเชิงสนับสนุนหรือคัดค้าน ตนจึงไม่เห็นด้วยกับท่าทีของนายกรัฐมนตรีและ ผบ.ทบ. ที่แสดงความไม่พอใจที่พรรคการเมืองใหญ่สองพรรคแถลงไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ จากนั้นตนได้รับการติดต่อจากทหารว่าได้รับคำสั่งให้มาควบคุมตัวตนจากการโพสต์ข้อความดังกล่าว ตนนัดทหารให้มาที่บ้านในวันจันทร์ที่ 18 เม.ย. เวลา 11.00 น. ซึ่งตนจะไปตามนัด (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม)

อย่างไรก็ตาม กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รายงานว่า วานนี้ เวลาประมาณ 14.00 น. นายทหารได้เดินทางไปยังบ้าน วัฒนา ที่หมู่บ้านสินเก้า ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร เพื่อขอรับตัวปรับทัศนคติ  โดยมี "ผบ.ร.21พัน1" พร้อมนายทหารพระธรรมนูญ ซึ่งยังรอ วัฒนาหน้าบ้านพัก 
 
ล่าสุดวันนี้ เมื่อเวลา 9.30 น. ทีผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วัฒนา โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กดังกล่าวในหัวข้อ "ขอความเป็นธรรมให้ผมด้วย"  โดย วัฒนา ระบุว่า หลังจากที่ตนได้โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงว่า การแสดงความเห็นไม่รับร่างรัฐธรรมนูญไม่เป็นความผิดตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 แต่วานนี้ (14 เม.ย.59) ทหารก็ยังยกกำลังมาที่บ้านเพื่อจะควบคุมตัวตนไปปรับทัศนคติ โดยทีมโฆษก คสช. เปิดเผยสาเหตุการเชิญตัวว่าตนให้ความเห็นในเชิงไม่สร้างสรรค์ ผิดข้อตกลงที่ให้ไว้และมีเจตนาท้าทายอำนาจของ คสช.
ภาพทหารบริเวณหน้าบ้านวัฒนา (ที่มาเพจ 'Watana Muangsook')
 
"ขณะนี้กองกำลังยังปักหลักปิดหน้าบ้านจนลูกเมียผมเข้าบ้านไม่ได้ ต้องย้ายไปหาที่นอนใหม่ ยกกำลังกลับไปเถิดครับ วันจันทร์ที่ 18 เมษายน เวลา 11.00 น. ผมเสร็จธุระแล้วจะมาพบท่านแน่นอน อย่าใช้วิธีสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย ไม่ใช่วิธีของชายชาติทหารครับ" วัฒนา ระบุ
 
วัฒนา ระบุต่อด้วยว่า เมื่อคราวที่ คสช ยึดอำนาจการปกครอง ตนและนักการเมืองอื่นประมาณ 200 คน ถูกเรียกไปรายงานตัวและถูกนำตัวควบคุมตัวเป็นเวลา 3-7 วัน ก่อนที่จะปล่อยตัวเจ้าหน้าที่ได้เอาเอกสารมาให้ตนลงนามมีเงื่อนไขว่า (1) จะไม่เดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่ได้รับอนุมัติจากหัวหน้า คสช. (2) จะละเว้นการเคลื่อนไหวหรือประชุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ และ (3) หากฝ่าฝืนหรือดำเนินการช่วยเหลือสนับสนุนกิจกรรมทางการเมืองยินยอมถูกดำเนินคดีและระงับธุรกรรมทางการเงิน ดังนั้น การแสดงความเห็นของตนที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญซึ่งเหมือนกับที่หัวหน้าพรรคการเมืองและผู้บริหารของทั้งสองพรรค จึงไม่ได้เป็นการทำผิดข้อตกลงที่ให้ไว้ อีกทั้งการผิดข้อตกลงก็ไม่ได้ให้อำนาจ คสช. นำกำลังมาควบคุมตัวตนไปใหนทั้งสิ้นนะครับ ท่านมีอำนาจที่จะดำเนินคดีหรือระงับธุรกรรมทางการเงินตามข้อตกลงเท่านั้น ทั้งนี้เป็นตามข้อตกลงที่ตนโพสต์มาให้ดูเป็นหลักฐานด้วยแล้ว ขอความกรุณาอย่าบิดเบือนเพื่อใช้อำนาจตามอำเภอใจเลยครับ

เอกสารที่วัฒนาลงนามในข้อตกลงกับ คสช. (ที่มาเพจ 'Watana Muangsook')

"ผมเป็นเพียงนักการเมืองเล็กๆ คนหนึ่งที่ต้องการเห็นบ้านเมืองมีความเจริญก้าวหน้า ผมเชื่อว่าการเปิดเสรีภาพทางความคิดจะนำไปสู่การพัฒนาอย่างสร้างสรรค์ ส่วนหลักนิติธรรมและประชาธิปไตยที่แท้จริงจะทำให้คนไทยทุกสีทุกกลุ่มสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติแม้จะคิดเห็นไม่ตรงกันก็ตาม ผมต่อสู้เพื่อหลักการที่ถูกต้องไม่ได้ทำเพื่อสีหรือกลุ่มการเมืองใด การแสดงความคิดเห็นของผมเป็นไปโดยสุจริตเพื่อส่วนรวม ผมไม่เคยโกรธกับการที่ท่านยกกำลังมาควบคุมตัวผมและได้อโหสิกรรมให้แล้วทุกครั้ง เพราะเชื่อแม้เราจะมีความคิดที่ต่างกันแต่มีเป้าหมายตรงกันคือเพื่อประเทศชาติ แต่การที่ท่านยกกำลังมาควบคุมตัวผมทำให้ครอบครัวผมเดือดร้อน ลูกผมต้องออกมาต่อสู้เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยผม การนำตัวผมไปปรับทัศนคติไม่ได้ทำให้ผมเปลี่ยนความคิด ผมไม่เคยคิดท้าทายอำนาจของ คสช. ทั้งไม่ได้ทำผิดกฎหมายหรือข้อตกลงใดๆ เพียงแต่อาจคิดเห็นไม่เหมือนท่าน ผมพร้อมที่เป็นเพียงเม็ดกรวดเล็กๆ ในสะพานที่จะนำคนไทยก้าวข้ามความขัดแย้ง จึงขอความเป็นธรรมช่วยกรุณาทบทวนคำสั่ง มาร่วมมือกันทำประเทศไทยให้น่าอยู่สำหรับคนไทยทุกสีทุกกลุ่มดีกว่ามั้ยครับ" วัฒนา ระบุ

คสช.อัดวัฒนาไม่เป็นสุภาพบุรุษ-บิดเบือนข้อเท็จจริง 

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ต่อมาเมื่อเวลา 16.08 น. มติชนออนไลน์ รายงาน พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ รองหัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ส่วนงานรักษาความสงบ สำนักงานเลขาธิการ คสช. กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ทหารไปเชิญตัว วัฒนา ว่า ตามข้อเท็จจริง วัฒนา เป็นผู้นัดกับเราก่อน โดยให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้รอ แต่ว่าวัฒนากลับโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวบิดเบือนข้อเท็จจริงในลักษณะที่ทหารไปปิดหน้าบ้าน ซึ่งข้อเท็จจริงประชาชนคนไทยสามารถรับรู้ได้ถึงการปฏิบัติตัวของนายวัฒนาว่าเป็นเช่นใด เพราะวัฒนาเองก็เคยมาพบเจ้าหน้าที่แล้วไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง พร้อมทั้งลงนามข้อตกลงทำความเข้าใจเป็นสัญญาแบบลูกผู้ชาย แต่ความเป็นจริงนายวัฒนาก็มีพฤติกรรมแบบนี้ตลอด จึงทำให้ประชาชนรู้ได้ว่านายวัฒนาที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ไม่เคยเป็นสุภาพบุรุษเลย มิหนำซ้ำยังเป็นคนไม่รักษาคำพูด อีกทั้งชอบไปแสดงความคิดเห็นในลักษณะที่บิดเบือนข้อเท็จจริงตลอด

“นายวัฒนาเป็นผู้นัดเอง และให้ทหารมารอวันที่ 14 เมษายน แต่กลับขอเลื่อนไปแบบไม่มีกำหนด แถมยังปิดโทรศัพท์ ทำให้เจ้าหน้าที่ติดต่อไม่ได้ ซึ่งทางเราก็มีความห่วงใยว่าอาจจะมีคนที่คิดไม่ดีกับนายวัฒนามากน้อยแค่ไหน เพราะฉะนั้นอยากชี้ให้ประชาชนได้เห็นว่าการปฏิบัติตัวของนายวัฒนามีลักษณะที่บิดพลิ้ว บิดเบือน ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษลูกผู้ชายเสียเลย ขณะเดียวกันเราอยากให้บรรยากาศของความอบอุ่นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพราะไม่อยากไปทำลายบรรยากาศแห่งความสุขของพี่น้องคนไทย และย้ำว่า คสช.มีความเป็นสุภาพบุรุษและความเป็นทหารพอที่ให้โอกาส ให้เวลา และรอคอยนายวัฒนาจนถึงวันที่ 18 เมษายน” พ.อ.ปิยพงศ์กล่าว

เมื่อถามว่า พฤติกรรมของวัฒนา มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าอบรมหลักสูตรผู้นำสร้างชาติอย่างสร้างสรรค์หรือไม่ พ.อ.ปิยพงศ์กล่าวว่า ในที่นี้ตนยังตอบไม่ได้ เพราะฝ่ายกฎหมาย คสช.กำลังพิจารณาอยู่ว่า ณ เวลานี้สถานะของนายวัฒนาอยู่ในสถานะใด น่าจะเข้าข่ายขัดคำสั่ง คสช. และผิดสัญญาที่ตกลงกันไว้หรือไม่ 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net