Skip to main content
sharethis

ปานานา เปเปอร์ส เปิดโปงกรณี บาชาร์ อัล อัสซาด ผู้นำเผด็จการซีเรียหนึ่งในฝ่ายที่เข้าร่วมสงครามกลางเมืองนองเลือดยาวนาน 6 ปี ทั้งที่เขาถูกคว่ำบาตร แต่กลับมีช่องทางสามารถจัดหาเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินทิ้งระเบิดได้ อีกทั้งยังมีกรณีอื้อฉาวที่ญาติของเขาติดต่อกับบริษัทในปานามาเพื่อทำธุรกรรมทั้งที่ถูกขึ้นบัญชีดำจากสหรัฐฯ

บาชาร์ อัล อัสซาด ประธานาธิบดีซีเรีย ซึ่งสืบอำนาจต่อจากบิดาที่เสียชีวิตตั้งแต่ พ.ศ. 2543 ผ่านการเลือกตั้งที่เขาเป็นผู้สมัครเพียงคนเดียว (ที่มาของภาพประกอบ: Wikipedia/Kremlin.ru)

6 เม.ย. 2559 เช้าวันหนึ่งในช่วงกลางปี 2557 ชายสูงอายุ 2 คน ซาบรี วิฮิด อัสฟูร์ และอะบู ยาสซิน นั่งดื่มกาแฟคุยกันเงียบๆ อยู่ใกล้แผงขายอาหาร ในเมืองอเลปโป เมืองที่เคยใหญ่เป็นอันดับ 2 ของซีเรียมองดูผู้คนรอบตัวดำเนินชีวิตประจำวันของพวกเขาไป แต่ทันใดนั้นเองก็มีระเบิดลงตรงที่พวกเขาอยู่ทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงทั้งต่อทรัพย์สินและต่อผู้คน เมื่อฝุ่นควันเริ่มจางอัสฟูร์ก็เห็นภาพยาสซินเพื่อนของเขาร่างกายแหลกเหลว กำลังหายใจเฮือกสุดท้าย

การโจมตีในครั้งนี้เป็นเพียงหนึ่งในปฏิบัติการทิ้งระเบิดทางอากาศหลายร้อยครั้งจากคำสั่งของรัฐบาลภายใต้ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล อัสซาด ในช่วงสงครามกลางเมืองซีเรียที่กินเวลายาวนาน 6 ปี ปฏิบัติการของรัฐบาลอัสซาดสังหารประชาชนของตัวเองไปหลายพันคนแล้ว แต่ทางการสหรัฐฯ ก็กล่าวว่าการใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดในครั้งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าหากไม่มีเครือข่ายบริษัทที่หลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรทำให้สามารถจัดหาเชื้อเพลิงและน้ำมันสำหรับเครื่องบินรบสำหรับกองทัพซีเรียได้

จากการกล่าวหาของทางการสหรัฐฯ ทำให้ทราบว่าบริษัทที่ให้การช่วยเหลือรัฐบาลซีเรียนั้นมีอยู่ 3 บริษัท ที่เป็นลูกค้าของบริษัท มอสแซค ฟอนเซกา โดยเมื่อไม่นานมานี้มีการเปิดโปงครั้งใหญ่ในนาม 'ปานามา เปเปอร์ส' หรือ 'เอกสารปานามา' ว่า มอสแซค ฟอนเซกา เป็นบริษัทที่ช่วยบุคคลชั้นนำระดับโลกจำนวนมากในการหลบซ่อนธุรกรรมเพื่อการทุจริต ฟอกเงิน หลบเลี่ยงภาษี และพยายามหลบเลี่ยงไม่ให้ถูกคว่ำบาตร จากการจัดตั้งบริษัทปลอมในต่างประเทศ

ในรายงานของสมาคมผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนนานาชาติ (The International Consortium of Investigative Journalists หรือ ICIJ) มีการระบุถึงกรณีที่สำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างชาติ (OFAC) ของทางการสหรัฐฯ เคยออกบัญชีดำคว่ำบาตรรัฐบาลซีเรียและบริษัทที่ต้องสงสัยว่าสนับสนุนรัฐบาลซีเรียไม่ให้มีการทำธุรกรรมกับพลเมืองสัญชาติสหรัฐฯ แต่บริษัทเหล่านี้ก็ยังสามารถดำเนินการช่วยเหลือรัฐบาลเผด็จการซีเรียต่อไปได้

หนึ่งในบริษัทที่ถูกขึ้นบัญชีดำได้แก่บรรษัท แพนเกตส์ อินเตอร์เนชันแนล จำกัด ที่มีสำนักงานในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นบรรษัทผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมซึ่งเป็นลูกค้าของบริษัท มอสแซค ฟอนเซกา มาหลายทศวรรษ พวกเขาถูกขึ้นบัญชีดำจากการที่ถูกทางการสหรัฐฯ ก่ล่าวหาว่าช่วยเหลือรัฐบาลซีเรีย ด้วยการจัดหาเชื้อเพลิงอากาศยานหรือ 'avgas' ให้กับเครื่องบินรบของกองทัพซีเรีย

แพนเกตส์ ยังเป็นส่วนหนึ่งของอับดุลคาริมกรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติซีเรียที่มีสำนักงานอยู่ในกรุงดามาสกัส เมืองหลวงของซีเรีย OFAC ยังเคยประกาศขึ้นบัญชีดำบริษัทที่สงสัยว่ามีส่วนพัวพันกับอับดุลคาริมกรุ๊ปอีกสองบริษัทคือ แม็กซิมา มิดเดิล อีสต์ เทรดดิง จำกัด และ มอร์แกน แอดดิกทีฟ มานูแฟคเชอริง รวมถึงคว่ำบาตรชาวซีเรียสองคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทเหล่านี้ OFAC ยังระบุอีกว่าบริษัททั้งสามนี้ร่วมมือกับบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของรัสเซียในการช่วยจัดหาน้ำมันให้กับโรงกลั่นที่ควบคุมโดยรัฐบาลซีเรีย

อย่างไรก็ตามตัวแทนจากมอร์แกน แอดดิกทีฟ กล่าวต่อ ICIJ ว่าหลักการพื้นฐานในการขึ้นบัญชีดำของสหรัฐฯ นั้น "มีความผิดพลาด" ขณะที่บริษัทอื่นๆ หรือกลุ่มคนอื่นๆ ที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนในการจัดหาน้ำมันให้กองทัพซีเรียไม่มีใครตอบกลับการขอสัมภาษณ์ของ ICIJ ทางด้านแพนเกตส์เคยให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้อ้างว่าพวกเขายอมรับว่าส่งน้ำมันไปซีเรีย แต่ไม่รู้ปลายทางว่าส่งไปที่ไหนหรือส่งไปเพื่ออะไร

9 เดือน หลังจากถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร แพนเกตส์ก็เริ่มใช้บริการของมอสแซค ฟอนเซกา ในการตั้งบริษัทในสาธารณรัฐ เซเชลส์ซึ่งเป็นประเทศแถบแอฟริกา โดยมีการให้ส่งค่าบริการออนไลน์สู่บัญชีของมอสแซค ฟอนเซกา ในรัฐนิวยอร์ก จนกระทั่งถึงเดือน ส.ค. 2558 มากกว่า 1 ปีหลังการคว่ำบาตร มอสแซค ฟอนเซกา ถึงพบว่าบริษัทที่พวกเขาให้บริการถูกขึ้นบัญชีดำจึงพยายามสืบหาข้อมูลของผู้บริหารบริษัทแพนเกตส์และแมกซิมา มิดเดิล อีสต์ จนกระทั่งรายานว่าบริษัทนี้ถูกคว่ำบาตรอยู่ให้กับทางการเซเซลส์ได้รับทราบ

เอกสารปานามายังเผยให้เห็นว่ามอสแซค ฟอนเซกา เคยทำงานให้กับรามี มาคลูฟ ญาติของผู้นำเผด็จการซีเรีย เขาเป็นคนที่ทางการสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีว่าเป็น "คนในของรัฐบาล(ซีเรีย)" จึงมีการคว่ำบาตรและระงับการทำธุรกรรมกับมาคลูฟด้วย อย่างไรก็ตามจากข้อมูลอีเมลล์ระหว่างมอสแซค ฟอนเซกา กับมาคลูฟที่เป็นหนึ่งในเอกสารรั่วไหลไม่มีการระบุถึงการคว่ำบาตรดังกล่าวอยู่เลย จนกระทั่งในปี 2553 ทางการหมู่เกาะบริติชเวอร์จินร้องขอข้อมูลจากบริษัทที่มาคลูฟจ้างมอสแซค ฟอนเซกา ให้ช่วยก่อตั้ง ทำให้ทางมอสแซค ฟอนเซกาสืบค้นจนพบข้อมูลความสัมพันธ์ทางการเมืองของมาคลูฟ รวมถึงการที่มาคลูฟต้องสงสัยเป็นผู้ลักลอบขนส่งสินค้าด้วย

สำนักข่าวเดอะการ์เดียนรายงานโดยอ้างจากเอกสารปานามาว่า จากการล็อบบี้ของธนาคารเอซเอสบีซี (HSBC) สาขาอังกฤษทำให้มาคลูฟยังสามารถเปิดบัญชีธนาคารสวิสได้ในขณะที่สงครามกลางเมืองในซีเรียยังคงดำเนินอยู่และสามารถทำให้ครอบครัวอัสซาดยังคงเข้าถึงระบบการเงินของยุโรปได้จนกระทั่งมีการสั่งระงับการทำธุรกรรมจากบัญชีธนาคารดังกล่าวในปี 2554

เอกสารปานามายังระบุอีกว่ามีช่วงหนึ่งที่มอสแซค ฟอนเซกา พยายามยกเลิกการทำธุรกรรมกับมาคลูฟ แต่หนึ่งในผู้ร่วมทำธุรกรรมกับมาคลูฟชื่อ คริส โซลลิงเจอร์ ก็คัดค้านการยกเลิกนี้ โดยอ้างว่าข้อกล่าวหาของมาคลูฟยังไม่ถูกตัดสินว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนหรือฟ้องร้อง ซึ่งก่อนหน้านี้โซลลิงเจอร์ในฐานะคนทำงานให้มอสแซค ฟอนเซลาอ้างว่าธนาคารเอซเอสบีซี ที่มีสำนักงานในอังกฤษรับรู้เรื่องของมาคลูฟ แต่ก็ยังสะดวกใจในการทำธุรกรรมกับเขา ซึ่งเป็นการแสดงความคิดเห็นผ่านอีเมลล์ที่รั่วไหลออกมาเป็นหนึ่งในเอกสารปานามา

แต่เมื่อไม่นานมานี้โซลลิงเจอร์ให้สัมภาษณ์ต่อหนังสือพิมพ์ ซุดดอยต์เชอ ไซตุง ว่าเมื่อนึกย้อนกลับไปแล้วเขาเสียใจกับการแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ในอดีต โซลลิงเจอร์ลาออกจากบริษัทแล้วตั้งแต่ปี 2554 เขากล่าวให้สัมภาษณ์ต่อ ซุดดอยต์เชอ ไซตุง อีกว่าในตอนนั้นที่เขายังทำงานกับมอสแซค ฟอนเซกา ทางบริษัทไม่ได้มีอิทธิพลใดๆ เลยต่อการดำเนินธุรกรรมบริษัทของมาคลูฟ

ทางด้านมาคลูฟไม่ให้การตอบรับใดๆ หลังจากที่สื่อขอให้แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้

ครอบครัวอัสซาดเคยได้รับการประเมินว่ามีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ช่วงก่อนสงครามกลางเมือง โดยเป็นผู้ควบคุมเศรษฐกิจในซีเรียอยู่ร้อยละ 60

 

เรียบเรียงจาก

Mossack Fonseca serviced Assad cousin's firms despite Syria corruption fears, The Guardian, 05-04-2016 http://www.theguardian.com/news/2016/apr/05/mossack-fonseca-panama-papers-rami-makhlouf-syria-assad-hsbc

Law Firm’s Files Include Dozens of Companies and People Blacklisted by U.S. Authorities, 04-04-2016 https://panamapapers.icij.org/20160404-sanctioned-blacklisted-offshore-clients.html

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net