ต่อกรณีทางเลือกในการรณรงค์ต่อสู้เรื่องประชาธิปไตยควรจะเป็นไปในทิศทางใดในกรณีที่รัฐบาล คสช. จัดให้มีการลงมติ รับ-ไม่รับ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัยนั้น คำถามที่ถูกต้องไม่ควรสุดอยู่แค่ “จะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญนี้ได้หรือไม่?” แต่ควรถามต่อไปอีกด้วยว่า หากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านการลงประชามติ และมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ การเลือกตั้งนี้จะนำไปสู่ประชาธิปไตยหรือไม่?
โดยมีข้อเท็จจริงที่จำเป็นต้องตระหนักอย่างน้อย 2 ประการ คือ
หนึ่ง ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีความไม่เป็นประชาธิปไตยอยู่สูงจนเรียกได้ว่าหากมีผลบังคับใช้แล้วก็จะ “เป็นอุปสรรค” ต่อประชาธิปไตยมากเสียยิ่งกว่าจะเป็นเครื่องนำไปสู่ประชาธิปไตย และประการสำคัญ ร่างรัฐธรรมนูญนี้เป็นการสืบทอดอำนาจของ คสช. และเป็นการสืบทอด “เครื่องมือ” ของ คสช. และฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตยต่อไปภายหลังการเลือกตั้ง
สอง การลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เกิดขึ้นในสภาพที่ปราศจากเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอย่างสิ้นเชิงในการวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญ จนกล่าวได้ว่า เป็นการลงประชามติในสภาพปิด ที่ความเห็นแย้งไม่สามารถแสดงตัวออกมาได้
จากข้อเท็จจริงทั้งสองประการ ประกอบกับท่าทีของ คสช. ที่แสดงออกมาว่าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านก็จะ “อยู่ต่อ” เท่ากับทางเลือกที่ คสช. เสนอกับประชาชนคือ
จะให้ คสช. มีอำนาจต่อแบบไม่มีการเลือกตั้ง (แบบเดิม)
หรือ
จะให้ คสช. มีอำนาจต่อแบบมีเลือกตั้ง (ประชามติผ่าน)
จึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นนี้ ไม่มีความหมายและไม่นำไปสู่สภาพที่แตกต่างหรือมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น แต่อาจจะกลับกลายเป็นเครื่องมือของฝ่ายเผด็จการในการหลอกลวงชาวโลกว่าไทยกลับเข้าสู่ประชาธิปไตยแล้ว และทำให้การใช้อำนาจเผด็จการอาจทำได้โดยได้รับแรงกดดันจากนานาชาติน้อยลง
ในเมื่อทั้งการลงประชามติและการเลือกตั้ง ไม่มีความหมาย และไม่ใช่เครื่องนำไปสู่ประชาธิปไตย แต่ยังอาจกลายเป็นเครื่องมือของฝ่ายเผด็จการในการเล่นละครตบตาต่างประเทศ โดยที่โครงสร้างอำนาจแท้จริงแล้วยังอยู่กับฝ่ายเผด็จการเหมือนเดิม ทิศทางการต่อสู้ที่ถูกต้องจึงจะต้องเป็นการชี้ให้เห็นอย่างเด็ดขาดว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้น ล้วนเป็นการจัดฉากละครปาหี่ที่ไม่มีทางนำไปสู่ประชาธิปไตย แต่จะกลายเป็นเครื่องมือของเผด็จการแทน
ยุทธศาสตร์การต่อสู้จะต้องมุ่งเน้นไปที่ความจอมปลอมของการลงประชามติและการเลือกตั้งที่จะเกิดต่อไปหากประชามติผ่าน จะต้องไม่ไปให้ความร่วมมือกับฝ่ายเผด็จการในการ “เล่นละคร” นี้อย่างสิ้นเชิง
ขอท่านผู้มีปัญญาทั้งหลายโปรดพิจารณาตามสมควร