Skip to main content
sharethis

22 มี.ค. 2559 บทสัมภาษณ์เมื่อวันที่ 19 มี.ค. โดย แพทริค สตรูดวิค บรรณาธิการด้านความหลากหลายทางเพศของ Buzzfeed อังกฤษบรรยายถึงบุคลิกลักษณะของจูดิธ กอฟ ผู้ที่ภายนอกดูร่าเริง สบายๆ แต่ก็มีความโกรธขึงไม่พอใจอยู่ภายใน ต่างจากเจ้าหน้าที่โฆษกสำนักงานต่างประเทศของอังกฤษที่ประจำในยูเครนผู้แสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน เมื่อมีอุปสรรคขัดขวางการสัมภาษณ์เรื่องคนรักเพศเดียวกัน เช่น ไม่มีห้องเหลือให้ใช้ จนมีการกล่าวเชิงติดตลกว่าอาจจะเป็นแผนการของพวกรัสเซียที่พยายามหยุดยั้งไม่ให้มีการพูดถึงคนรักเพศเดียวกัน

บทสัมภาษณ์ระบุว่าเป็นครั้งแรกที่มีนักการทูตอังกฤษพูดเรื่องชีวิตนักการทูตในฐานะคนรักเพศเดียวกัน ก่อนหน้านี้มีแต่ทูตอังกฤษประจำอิสราเอลชื่อ เดวิด ควาร์รีย์ เท่านั้นที่เคยเปิดเผยเรื่องนี้แต่ก็ไม่ได้ให้สัมภาษณ์อื่นๆ ที่ลึกไปกว่านี้ ก่อนหน้าปี 2534 สำนักงานการต่างประเทศอังกฤษไม่ยอมรับคนรักเพศเดียวกันเข้าทำงานโดยอ้างว่าเป็น "คุณลักษณะบกพร่อง" โดยไม่อนุญาตให้เข้าทำงานหรือมีการปลดถ้าหากพบว่าเป็นคนรักเพศเดียวกัน รวมถึงถูกกดดันหรือกีดกันเวลาอยู่ในพื้นที่ทางสังคมอย่างบาร์

ผู้ที่ Buzzfeed สัมภาษณ์เป็นเอกอัครราชทูตอังกฤษ ประจำกรุงเคียฟของยูเครน ชื่อ จูดิธ กอฟ เธอกล่าวในบทสัมภาษณ์ว่าตอนที่เธอแนะนำตัวเองให้คนอื่นรู้จักขณะทำงานเป็นทูตในยูเครน ผู้คนมักจะคิดว่าเธอเป็นภรรยาของเอกอัครราชทูต เธอต้องทำตัวให้เคยชินกับการถูกมองให้แน่ใจอีกครั้งอย่างไม่เชื่อสายตาจากคนรอบข้างเนื่องจากการที่เธอยังสาวและเป็นผู้หญิงทำให้คนไม่เชื่อว่าเธอจะเป็นเอกอัครราชทูตได้ ยิ่งกว่านั้นเมื่อเธอแนะนำคนรักที่เป็นผู้หญิงด้วยกันให้รู้จักก็จะถูกมองอย่างไม่เชื่อสายตาซ้ำอีก อย่างไรก็ตามผู้คนที่เธอพบเจอส่วนใหญ่ก็จะสุภาพ

กอฟเล่าประสบการณ์ต่อไปว่าในประเทศต่างๆ ที่เธอเคยเป็นทูตมาอย่าง เกาหลีใต้, จอร์เจีย รวมถึงในปัจจุบันคือยูเครน เธอมักจะไม่ประสบปัญหาจากตัวประเทศเหล่านี้เองแต่มักจะมาจากปฏิกิริยาของทูตคนอื่นๆ โดยยกตัวอย่างคำพูดวิจารณ์จิกกัดที่เธอเคยประสบมาอย่างเช่น "คนอย่างคุณไม่ควรแสดงออกในประเทศเช่นนี้" หรือ "คุณไม่ควรทำงานที่คุณกำลังทำอยู่เลย"

นอกจากนี้ยังมีความยากลำบากเมื่อกอฟต้องติดต่อกับประเทศอื่นที่มีทัศนคติเรื่องความหลากหลายทางเพศแตกต่างไป บางทีก็เจอความคิดเห็นกีดกันทางเพศอย่างการบอกให้เธอควรจะอยู่เลี้ยงลูกที่บ้านแทนที่จะมาเป็นเอกอัครราชทูตเต็มตัว

กอฟมีลูก 2 คน ปัจจุบันอายุ 3 ปีและ 11 ปี กับคู่รักที่จดทะเบียนคู่ชีวิตร่วมกันชื่อ จูเลีย ไคลอุสซี เมื่อถามว่าเธอโต้ตอบการถูกวิจารณ์ตัดสินเธออย่างไร กอฟกล่าวว่า ที่เธอได้ทำงานการทางทูตเพราะเธอมีทักษะความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ และตัวเธอเองเป็นตัวแทนของอังกฤษซึ่งเป็นประเทศที่มีความหลากหลายโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานค่านิยมบางอย่าง ดังนั้นตัวเธอเองก็เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นประเทศของเธอด้วย

กอฟเล่าต่อไปว่า ก่อนหน้านี้เธอยังคงมีความมั่นใจในตัวเองต่ำ จนกระทั่งในปี 2544 ตอนที่เธอตัดสินใจเข้าร่วมกับสำนักงานการต่างประเทศของอังกฤษ เธอก็ไม่คิดว่าเพศวิถีของเธอเป็นสิ่งขวางกั้น "ฉันรู้ว่าฉันอยากเป็นนักการทูต ทำไมฉันจะต้องยอมให้ความทะเยอทะยานของฉันถูกขวางกั้นเสียล่ะ" กอฟกล่าว

ในระหว่างบทสัมภาษณ์ สตรูดวิค ระบุถึงคุณลักษณะของผู้ให้สัมภาษณ์ไปด้วยว่า กอฟเป็นคนที่มีน้ำเสียงแบบที่ดูมีพลังอย่างนิ่งเงียบเหมือนคนที่รู้จักวิธีการใช้อำนาจในแบบที่จะไม่เป็นการทำให้ใครคนใดคนหนึ่งรู้สึกแปลกแยก

กอฟเล่าต่อไปว่าถึงแม้เธอจะเลือกทำงานที่เป็นมิตรกับความหลากหลายทางเพศมากกว่านี้ได้ แต่เธอก็รู้สึกอยากไปในที่ๆ ท้าทายกว่านั้น ในช่วงที่เธอร่วมงานกับสำนักงานการต่างประเทศมีคนที่เป็นต้นแบบให้เธอน้อยมากในแง่ของทูตที่เปิดเผยว่าตัวเองเป็นคนรักเพศเดียวกัน แม้ว่าในตอนนี้มีคนที่เป็นบุคคลต้นแบบในเรื่องนี้มากขึ้นแต่กอฟก็บอกว่าพวกเขายังต้องการให้คนที่มีความหลากหลายทางเพศเข้าทำงานในสำนักงานการต่างประเทศมากกว่านี้โดยที่เธอบอกว่าการทำงานในสำนักงานเองเธอไม่เคยเจอการกีดกันหรือรังแกเพราะความต่างทางเพศวิถีเลย

อย่างไรก็ตามกอฟบอกว่าเธอไม่อยากถูกจัดประเภทแบบเหมารวมด้วยการเรียกว่าเป็น "นักการทูตเลสเบี้ยน" แต่อยากให้มองเธอเป็นนักการทูตจากอังกฤษ ส่วนเรื่องรสนิยมทางเพศ เรื่องที่เธอเป็นแม่คน เรื่องที่เธอมีนัยน์ตาสีเขียว เป็นแค่หนึ่งในหลายๆ คุณสมบัติที่เธอมี และถึงแม้ว่ากอฟอาจจะถูกมองเป็นผู้กล้าหาญที่บุกเบิกความหลากหลายทางเพศ แต่ตัวเธอเองก็ไม่ได้จงใจที่จะถูกมองว่าเป็นเช่นนั้น กอฟบอกว่าเธอไม่ใช่คนที่จะนำออกไปในแนวหน้า แต่ว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นอย่างได้ผลมากกว่าถ้าพวกเขาเป็นตัวของตัวเองและแสดงบุคลิกลักษณะเฉพาะตัวในบทบาทความเป็นนักการทูตของพวกเขา

"มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่คุณสามารถยืนอยู่ตรงหน้าลูกๆ ของคุณแล้วบอกว่า 'นี่คือตัวฉัน นี่คือสิ่งที่ฉันเป็น' และสำหรับพวกเขาแล้วก็ควรจะมีความมั่นใจในสิ่งที่พวกเขาเป็น ในที่ๆ พวกเขาจากมา ฉันเป็นหนี้พวกเขาในเรื่องเหล่านี้ ฉันต้องการให้พวกเขารู้สึกสบายใจที่ได้เป็นตัวเอง" กอฟกล่าว

เมื่อถามว่าเธออยากเปลี่ยนจากคู่รักที่จดทะเบียนคู่ชีวิตร่วมกันให้กลายเป็นการจดทะเบียนสมรสหรือไม่ กอฟก็บอกว่าอยากหาเวลาทำดู และเมื่อถามว่าเธอเปิดเผยตัวเองในเรื่องเพศวิถีเป็นครั้งแรกเมื่อไหร่ มีครั้งไหนที่เธอเริ่มเรียกความสัมพันธ์ของเธอว่าเป็น "เกย์" หรือ "เลสเบี้ยน" เธอก็บอกว่าจำไม่ได้ และตัวเธอเองมีความเป็นขบถอยู่ลึกๆ ในเรื่องการไม่ยอมถูกแปะป้ายว่าเธอเป็นอะไร

จากที่ทำงานมากกว่า 10 ปีในที่สุดกอฟก็ได้ทำงานเป็นเอกอัครราชทูตประจำกรุงเคียฟ ประเทศ ยูเครนเมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่ายูเครนจะมีกฎหมายและทัศนคติต่อต้านคนรักเพศเดียวกัน แต่สำนักงานการต่างประเทศก็ให้ข้อมูลประเทศยูเครนมาดีและมีสมาคมผู้ปฏิบัติงานผู้มีความหลากหลายทางเพศคอยให้ความช่วยเหลืออย่างดี

อย่างไรก็ตาม ยูเครนยังคงมองผู้มีความหลากหลายทางเพศอย่างไม่เป็นมิตร ในยูเครนไม่มีกฎหมายใดๆ เลยที่อนุญาตการจดทะเบียนคู่ชีวิตระหว่างคนเพศเดียวกัน ไม่ให้โอกาสคนรักเพศเดียวกันในการอุปการะลูกบุญธรรม มีการสั่งห้ามการเดินขบวนไพรด์พาเหรดหรือถ้าหากมีการเดินขบวนก็จะถูกจับกุมหรือเกิดเหตุรุนแรง

ผู้ตอบแบบสอบถามในการสำรวจส่วนใหญ่ระบุว่าพวกเขามีทัศนคติทางลบต่อผู้มีความหลากหลายทางเพศ และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีกลุ่มนีโอนาซีใช้ประทัดและระเบิดควันโจมตีสถานที่ชุมนุมของกลุ่มคนรักเพศเดียวกัน นักกิจกรรมบางคนบอกว่าสถานการณ์ของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศกำลังย่ำแย่ลง ทางด้านกอฟกล่าวในเชิงไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะมีความรุนแรงมากขึ้นจริงๆ หรือเป็นเพราะคนรายงานเรื่องนี้มากขึ้น

กอฟบอกว่าการเป็นผู้มีความหลากหลายทางเพศในยูเครนไม่ใช่เรื่องง่าย เธอเริ่มพูดถึงกลุ่มนักกิจกรรม โดยชื่นชมว่าพวกเขาเป็นผู้กล้าหาญที่เอาตัวเองเข้าเสี่ยง โดยยกตัวอย่างนักกิจกรรมที่ชื่อ บ็อกแดน โกลบา ผู้ที่กล่าวในที่ประชุมสภายูเครนปี 2556 เกี่ยวกับสิทธิของผู้มีความหลากหลายทางเพศและเรียกร้องให้มีกฎหมายต่อต้านการแบ่งแยกกีดกัน โดยโกลบาสามารถชนะใจนักการเมืองได้และเคลื่อนไหวด้วยการเมืองบนพื้นฐานที่ปฏิบัติได้จริง อีกทั้งยังแสดงความรู้สึกส่วนตัวของคนรักเพศเดียวกันออกมาได้ด้วย เช่น การเล่าถึงประวัติที่เคยถูกกลั่นแกล้งหรือรังแกในโรงเรียน ถูกไล่ทุบตีโดยคนอายุมากกว่า เคยถูกขับออกจากครอบครัวเพราะพ่อแม่คิดว่าเขาป่วย จนในที่สุดเขาก็มีความเข้มแข็งและกล้าหาญมากพอที่จะพูดอย่างเปิดอกในเรื่องนี้ ซึ่งกอฟชื่นชมที่โกลบาสามารถนำประเด็นนี้เข้าสู่สภาได้

เมื่อปีที่แล้วโกลบาเคยพูดในที่ประชุมของมูลนิธิเอลตัน จอห์น ว่า การที่รัสเซียผนวกรวมดินแดนเขตปกครองตนเองไครเมียเข้ากับรัสเซียส่งผลบางส่วนให้เกิดการใช้ความรุนแรงกับคนรักเพศเดียวกันมากขึ้น เขาเผยแพร่วิดีโอที่มีอันธพาลบุกเข้าโจมตีคลับของคนรักเพศเดียวกันซึ่งเขาเชื่อว่ามาจากคำสั่งของรัฐบาลรัสเซีย นอกจากนี้ยังมีการจัดเดินขบวนไพรด์พาเหรดปลอมขึ้นโดยในขบวนมีการถือธงสีรุ้งกับธงสหภาพยุโรป ซึ่งโกลบาเชื่อว่าเป็นการพยายามโยงเรื่องสิทธิคนรักเพศเดียวกันกับสหภาพยุโรปในสายตาของชาวยูเครนเพื่อหลอกให้ชาวยูเครนรู้สึกต่อต้านอียูผ่านความรู้สึกต่อต้านคนรักเพศเดียวกัน

ต่อคำถามว่า รัฐบาลอังกฤษเคยให้สัญญาว่าจะส่งเสริมสิทธิของผู้มีความหลากหลายทางเพศในประเทศอื่น แต่พวกเขาได้ช่วยเหลือเรื่องนี้ในยูเครนบ้างหรือไม่ กอฟกล่าวว่า พวกเขาต้องเจรจาหารือกันในหลายประเด็น ในยามที่มีความขัดแย้งและวิกฤตเศรษฐกิจประเด็นเรื่องผู้คนไร้ที่อยู่อาศัยหลายล้านคนจึงดูเป็นประเด็นใหญ่กว่า แต่กอฟก็บอกว่าทั้งหมดนี้ถือเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชนทั้งสิ้นและประเด็นอย่างความหลากหลายทางเพศก็กลายเป็นหน่วยย่อยในการสนทนาเหล่านี้ได้

"การทูตมีได้หลายรูปแบบ และการทูตบางส่วนที่พวกเราทำแล้วประสบความสำเร็จคือการทูตที่เงียบกว่าและได้รับการสนับสนุนอย่างเงียบๆ มีการจัดประชุมที่พวกเราสนับสนุนในยูเครน มีนักกิจกรรมที่พวกเราสนับสนุนในยูเครนด้วยเช่นกัน" กอฟกล่าว

สถานการณ์ด้านความหลากหลายทางเพศยังดูมีทีท่าว่าจะดีขึ้นหลังจากที่เมื่อปีที่แล้วรัฐสภายูเครนทำให้การกีดกันการจ้างงานบนฐานของเพศวิถีเป็นเรื่องผิดกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีการถกเถียงเกิดขึ้นเป็นวงกว้างไปทั่วแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนทั้งในยูเครนและรัสเซีย ในโซเชียลมีเดียแฮชแท็กที่เหยียดคนรักเพศเดียวกันก็ถูกฉกชิงมาใช้ในเชิงล้อเลียนย้อนกลับคนที่เหยียดพวกเขา

บทสนทนาระหว่างนักการทูตกับ Buzzfeed ดำเนินมาถึงจุดที่ทาง Buzzfeed ถามว่าถ้าเกิดกอฟในช่วงวัยรุ่นรู้ว่า ในอนาคตเธอจะกลายมาเป็นเอกอัครราชทูตผู้เผยแพร่ข้อความผ่านทวิตเตอร์เกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชนและสนับสนุนนักกิจกรรมเพื่อความหลากหลายทางเพศ เธอยังจะเลือกทางเดินเดิมหรือไม่ กอฟตอบว่าเธอจะรู้สึกตื่นเต้นและประหลาดใจมากถ้าได้รู้เช่นนั้นเพราะเธอต้องการมีอาชีพที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด สำหรับเธอแล้วการเป็นทูตไม่ใช่แค่การไปปาร์ตี้ค็อกเทลแต่เป็นการทำงานหนักที่ต้องได้เห็นทุกด้านของชีวิต นอกจากนี้ เธอยังยินดีที่ได้มีชีวิตแบบครอบครัว

Buzzfeed บรรยายช่วงท้ายบทสัมภาษณ์ว่าหลังจากที่ถ่ายรูปและพูดคุยกันเกี่ยวกับลูกๆ ของกอฟและคู่รัก เพื่อนนักการทูตที่เป็นคนรักเพศเดียวันและนักกิจกรรมแล้ว กอฟก็เดินกลับเข้าไปในอาคารด้วยสีหน้าแววตาที่มาดมั่นชวนให้นึกถึงคำที่เธอเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่า "พวกเขาล้วนเป็นลูกชายและลูกสาวของทุกคน"

 

เรียบเรียงจาก

This Is What It’s Like Being An Ambassador To An Anti-Gay Country When You’re A Lesbian, Pattrick Strudwick, BuzzFeedNews, 19-03-2016
http://www.buzzfeed.com/patrickstrudwick/this-is-what-its-like-being-an-ambassador-to-an-anti-gay-cou#.efGNGXxJG1

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net