ชาวหนองบัวระเหวยื่นหนังสือ เร่งยกเลิกทวงคืนผืนป่า

17 มี.ค. 2559 เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพภาคสองที่ 2 (ค่ายสุรนารี นครราชสีมา) ตัวแทนชาวบ้านผู้เดือดร้อนที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติไทรทองทับที่ทำกินและที่อยู่อาศัย ต.ห้วยแย้ ต.วังตะเฆ่ อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ เข้ายื่นหนังสือเพื่อให้พิจารณาแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการทวงคืนผืนป่า

ไพโรจน์ วงงาน ชาวบ้าน ต.วังตะเฆ่ อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ กล่าวว่า จากการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติไทรทองทับที่ดินทำกินทับและที่อยู่อาศัยของชาวบ้านในพื้นที่ ต.ห้วยแย้ และ ต.วังตะเฆ่ ได้ส่งผลกระทบหนักขึ้น ภายหลังรัฐบาลมีนโยบายทวงคืนผืนป่า ทำให้ผู้ที่ทำกินในพื้นที่จำนวนทั้งสิ้น 6 หมู่บ้าน ได้รับผลกระทบต่างๆ ห้ามมิให้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ และเข้ายึดพื้นที่ ทั้งถูกบังคับให้เซ็นยินยอมออกจากพื้นที่ ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นนำมาสู่ความเดือดร้อนต่อชาวบ้านจำนวนมาก จึงต้องเดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเพื่อให้ผู้อำนาจได้รับรู้ เข้าใจ เพื่อให้เร่งพิจารณาแก้ไขปัญหาในความเดือดร้อนของพวกตนให้เกิดความเป็นธรรม เพื่อให้ชาวบ้านได้มีความสุขในการดำเนินชีวิตต่อไป

โดยการเดินทางมายื่นหนังสือในวันนี้ พ.ต.วรินทร แสงวิลัย นายทหารปฏิบัติการศูนย์ประชาสัมพันธ์รับเรื่องร้องทุกข์ เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ

ไพโรจน์ กล่าวต่อว่า ก่อนนั้นเมื่อวันที่ 8 มี.ค.59 เนื่องในวันสตรีสากล ได้เข้าร่วมกิจกรรมกับเครือข่ายผู้หญิงขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) บริเวณฝั่งตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับเข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี โดยนายพันธ์ศักดิ์ เจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานปลัดนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับหนังสือแทน และได้เดินทางไปยื่นหนังสือที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

ต่อมา ในวันที่ 9 มี.ค. 59 เดินทางเข้าพบนายฐากร สัตศตพร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์เขต 7 นครราชสีมา และเดินทางต่อไปยังศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ เพื่อเข้ายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัด โดย พันโทวสุธา ฤกษ์จำนงค์ นายทหารปฏิบัติการ ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชัยภูมิ เป็นตัวแทนมารับหนังสือ

ไพโรจน์ กล่าวว่า จากการที่ถูกข่มขู่ คุกคามให้ออกจากพื้นที่หลายครั้ง พวกตนจึงร่วมกันเดินทางเข้ายื่นหนังสือเพื่อให้เร่งพิจารณาแก้ไขปัญหา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม โดยมีข้อเสนอเพื่อให้ผู้มีอำนาจพิจารณา ดังนี้ 1. ให้ยกเลิกแผนการทวงคืนผืนป่าในพื้นที่พิพาทอุทยานแห่งชาติไทรทอง ต.ห้วยแย้  ต.วังตะเฆ่ อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ 2. ให้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างชาวบ้านผู้เดือดร้อน กับผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการถือครองทำประโยชน์ที่ดิน โดยมีสัดส่วนของราษฎรที่เดือดร้อนในจำนวนที่เท่ากัน ทั้งนี้ ไม่ให้มีการดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 30 มิถุนายน 2541 และ 3.ในระหว่างกระบวนการแก้ไขปัญหา ให้ยุติการดำเนินการใดๆ ที่ส่งผลกระทบและสร้างความเดือดร้อนต่อราษฎรในพื้นที่ และผ่อนผันให้สามารถทำประโยชน์ตามปกติสุข

ด้าน สุดี เนาว์โอโล ชาวบ้านซับหวาย ม.7 ต.ห้วยแย้ อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ เล่าว่า  ในวันที่ 9 มิ.ย.57 เจ้าหน้าที่ อช.ไทรทอง เจ้าหน้าที่เข้ามาในพื้นที่ แจ้งว่า ขอยึดคืนผืนป่า ตามพื้นที่ล่อแหลม พื้นที่ลาดชัน โดยเจ้าหน้าที่บอกว่าจะนำพื้นที่ไปฟื้นฟูป่า ตนจึงคืนให้ 3 ไร่ เจ้าหน้าที่จึงให้ไปเดินตามแปลง และไล่ยิงพิกัดตามหลังไปเรื่อยๆ พร้อมกับถ่ายรูป และฝังหลักไว้ จากนั้นเจ้าหน้าที่แจ้งว่า พื้นที่ที่คืนให้ต้องไม่เข้ามาทำกินอีก ส่วนพื้นที่ที่เหลือให้สามารถทำกินได้ต่อไป จากนั้นชาวบ้านก็ยินยอมเซ็น เจ้าหน้าที่บอกว่าจะมอบใบประกาศดีเด่นในการคืนพื้นที่ให้

สุดี บอกอีกว่า ต่อมาอีกประมาณเดือนครึ่ง เจ้าหน้าที่ป่าไม้และทหาร เข้ามาเป็นครั้งที่ 2 ขอคืนพื้นที่อีก โดยบอกว่าทางผู้ใหญ่ให้มาเพื่อขอความร่วมมือในการคืนพื้นที่ หากตนไม่ยอมให้ความร่วมมือ จะมีหมายศาลเข้ามาจับกุม แต่ทั้งนี้ตนบอกว่าไม่ขอยอมคืนได้ไหม เพราะไม่มีที่ทำกิน ไม่มีที่อยู่ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ยอมเพราะบอกว่าทำกินมานานแล้ว ไม่ให้เข้ามาทำกินอีก พร้อมกับอ้างว่าเป็นพื้นที่เขตอุทยานฯ ตนจึงยอมเซ็นไปบางส่วน

สุดี กล่าวว่า ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 31 ม.ค.59 เจ้าหน้าที่เข้ามาบอกถึงที่บ้าน พร้อมกับเอาเอกสารมาให้ดูว่าทุกคนเซ็นหมดแล้ว เหลือแต่ตนคนเดียว และให้ทุกคนรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง พืชผลอาสินออกไปให้หมดภายในวันที่ 31 มี.ค.นี้ หากผู้ใดไม่ยอมออกจากพื้นที่ก็จะให้ลงออกไปให้หมดทุกคน และบังคับให้เซ็น พร้อมระบุว่าถ้ามีเจ้านาย หรือผู้ใหญ่เข้ามาสอบถามให้บอกว่าตนยินยอมเซ็นด้วยความเต็มใจ ไม่ได้ถูกเจ้าหน้าที่บังคับ ตนจึงยอมเซ็นเอกสาร ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์และกลัวจะถูกจับกุม และดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ ไม่ได้ถ่ายภาพเอกสารไว้ เพราะเจ้าหน้าที่ได้เก็บไป

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท