เกร็ดเล็กๆ ระหว่างรอดูใจพี่ๆ เอ็นจีโอสายสิ่งแวดล้อมว่าจะขึงขังแค่ไหนกับคำสั่ง คสช.ที่ 9/2559
EIA เป็นเครื่องมือกฎหมายสิ่งแวดล้อมที่ถูกเพรียกหามาตั้งแต่ผมเริ่มทำข่าวใหม่ๆ
ในฐานะที่ว่ามันน่าจะเป็นเครื่องมือใช้ต่อสู้ต่อรองที่มีประสิทธิภาพ ในการคัดง้างอภิมหาโครงการที่ส่งกระทบถึงสิ่งแวดล้อมและคน
เราจะเข้าใจเรื่องนี้ง่ายขึ้น ต้องย้อนกลับไปดูประวัติการต่อสู้คัดค้านโครงการใหญ่ในอดีตไม่ว่าจะเป็นเขื่อนน้ำโจน แก่งกรุง ไล่เรื่อยมาจนถึงกรณีคลาสสิกอย่างเขื่อนปากมูล
ยุคนั้นยังไม่มีสิ่งที่เรียกว่า รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ที่สามารถเอามาอ้างอิงได้ เวลาจะต่อสู้ ต่อรอง หรือคัดค้านโครงการใหญ่ๆ นอกจากอาศัยฝีปากนักอนุรักษ์ อาศัยข้อมูลนักวิชาการแล้ว สูตรสำเร็จอีกอย่างคือเอาชาวบ้านออกมาชน
ผมอยู่ในบรรยากาศดังกล่าวกรณีเขื่อนปากมูล ตั้งแต่เป็นนักศึกษาออกค่าย จนกระทั่งเริ่มทำข่าว
หมายถึงตั้งแต่ยุคที่ชาวบ้านปากมูลแบ่งข้างตีกัน ปาก้อนหินใส่หลังคา ยิงหนังสติ๊กใส่ฝาบ้าน ระหว่างฝ่ายคัดค้านกับฝ่ายสนับสนุนเขื่อน ลูกเด็กเล็กแดงโดนลูกหลงหัวร้างข้างแตก นักศึกษาผู้หญิงที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความคับแค้นเดือดดาล
เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในหมู่บ้านเดียวกัน
พอคัดค้านแพ้ เขื่อนสร้างเสร็จ ชาวบ้านทั้งฝ่ายคัดค้านและฝ่ายที่เคยสนับสนุนเขื่อนแต่ละหมู่บ้าน ก็ต้องมานอนกองรวมกันสร้างเป็นหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน ซึ่งก็คือนิคมเพิงหมาแหงนเพื่อประท้วงโครงการรัฐ
ใครเคยไปที่นั่นแล้วรู้สึกเฉยๆ ต้องถือว่าเลือดเย็นมาก
EIA จึงเป็นนวัตกรรมทางกฎหมายที่นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมร่วมกันผลักดัน เพื่อสร้างหลักการรูปธรรม จนกระทั่งถูกบรรจุอยู่ใน พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อม 2535
แนวคิดและนวัตกรรมทางกฎหมายนี้ เกิดขึ้นไล่เลี่ยกับความพยายามผลักดันให้เกิดศาลปกครอง ซึ่งทำหน้าที่พิจาณาคดีข้อพิพาทระหว่าง รัฐ/คำสั่งรัฐ กับประชาชน
เพราะฉะนั้น โดยหลักการของมันจึงไม่ใช่แค่การหาตัวชี้วัดทางสิ่งแวดล้อมที่เป็นรูปธรรม แต่มันถูกคาดหวังให้เป็นเครื่องมือซับแรงปะทะ ลดการเผชิญหน้าระหว่างรัฐกับประขาชน
พูดง่ายๆ มันน่าจะช่วยลดโอกาสที่คนเฒ่าคนแก่ถูกกระบองหน่วยปราบจลาจลตีหัว ถูกตำรวจปล่อยหมามากัด หรืออะไรก็ตามที่ป่าเถื่อนกว่านั้น
คำสั่ง คสช.ที่ 9/2559 คือรูปธรรมล่าสุดของการทุบทำลายหลักการที่ผ่านการต่อสู้มายาวนาน หลังจากที่ คสช.ทุบทิ้งหลักการสำคัญทางการเมืองและตรรกะมาจนเรียบวุธหมดทั้งประเทศแล้ว
การใช้อำนาจ ม.44 ออกคำสั่งนี้ จึงน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวสำคัญอย่างน้อยสองประการ
หนึ่ง เอ็นจีโอสายสิ่งแวดล้อมที่เคยเนียนกับรัฐประหาร จะขยับตัวได้สมบทบาทสมราคาแค่ไหน - ซึ่งอันนี้ก็อย่าไปคาดหวังมาก
สอง มันจะเป็นที่มาของการ 'จุดประเด็น' ให้ศาลปกครองวินิจฉัยการใช้อำนาจตาม ม.44 ซึ่งจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปสู่เรื่องอื่นๆ อย่างมีพลังได้อย่างไร
หมายเหตุ; เผยแพร่ครั้งแรกใน เฟซบุ๊ก athikhom.khunawut