Skip to main content
sharethis

26 ก.พ. 2559 เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี (หลังใหม่) ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี คณะผู้นำองค์กรศาสนาประจำจังหวัดชายแดนภาคใต้รวม 9 คนได้ร่วมแถลงข่าวเรื่อง “แนวทางการแก้ปัญหาการยึดที่ดิน โรงเรียนญีฮาดวิทยา”

ผู้ร่วมแถลงมีนายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด(กอจ.)ปัตตานี นายซาฟีอี เจะเลาะ ประธาน กอจ.นราธิวาส นายรุสดี บาเกาะ รองประธาน กอจ.ยะลา นายอับดุลฮาฟิช หิเล นายกสมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดยะลา ดร.วิสุทธิ์ บิลล่าเต๊ะ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานสำนักงานจุฬาราชมนตรีประจำจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้แทนสภาอูลามาอฟาฏอนีย์ดารุสสลาม นายอับดุลเลาะ เจ๊ะแว ประธานชมรมมุสลิมภราดรภาพ นายอับดุลอาซิส ยานยา นายกสมาคมสถาบันศึกษาปอเนาะ 

ทั้งนี้ มีพล.ต.ชินวัตร แม้นเดช รองแม่ทัพภาคที่4/รองผู้อำนวยรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) และเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.ภาค 4 สน.มาร่วมฟังการแถลงด้วย

โดยนายแวดือราแมแถลงว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2558 ศาลแพ่งมีคำสั่งพิพากษาให้ยึดที่ดินโรงเรียนปอเนาะญิฮาด ม.3 บ้านท่าด่าน ต.ตะโล๊ะกาโปร์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่สนับสนุนเกี่ยวกับการก่อการร้าย และล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2559 ครอบครัวแวมะนอได้ย้ายออกจากที่ตั้งในโรงเรียนญีฮาดวิทยาโดยไม่ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาล และต่อมาภายหลังได้มีกลุ่มเครือข่ายองค์กรต่างๆในพื้นที่ ได้ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อให้ความช่วยเหลือ พร้อมทั้งจัดเวทีแสดงความคิดเห็นในประเด็นการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม และถูกนำไปขยายผลเพื่อกระตุ้นความรู้สึกร่วมว่า รัฐไดใช้อิทธิพลเข้าคุกคามโรงเรียนปอเนาะ ซึ่งเป็นแหล่งอารยธรรมสันติภาพ ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นลักษณะของการชี้นำและบิดเบือนไปจากแก่นแท้ของความจริง ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกและความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมอย่างกว้างขวาง

จากกรณีดังกล่าว คณะผู้นำองค์กรทางศาสนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอสร้างความเข้าใจเพื่อนำไปสู่การหาทางออกจากปัญหาร่วมกัน ดังนี้

1.การยึดที่ดินของโรงเรียนญีฮาดวิทยา ถึงแม้เป็นเรื่องที่อ่อนไหวและส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชน แต่เจ้าหน้าที่มีความจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมาย เนื่องจากเป็นคำตัดสินของศาล ซึ่งตัดสินไปตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงที่ปรากฏและคดีได้ถึงที่สุดแล้ว เนื่องจากจำเลยไม่ขอยื่นอุทธรณ์ ทำให้ที่ดินดังกล่าวต้องตกเป็นที่สาธารณประโยชน์ แม้พยานหลักฐานต่างบ่งชี้ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของเอกชน แต่เนื่องจากเจตนารมณ์เดิมของเจ้าของที่ดินดังกล่าว ต้องการให้เป็นที่ก่อตั้งสถานศึกษาแก่กุลบุตร กุลธิดา ทางราชการจึงจะพยายามรักษาเจตนารมณ์นี้เอาไว้ โดยจะให้ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ตั้งสถานศึกษาต่อไป ตามเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้ง

2.คณะผู้นำองค์กรศาสนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ร่วมกันพิจารณาแล้ว เห็นว่าที่ดินดังกล่าว เป็นทรัพย์สินที่ใช้เพื่อประโยชน์ศาสนาและการศึกษาตามเจตนารมณ์และวัตถุประสงค์เดิมของเจ้าของที่ดิน จึงทำให้ที่ดินดังกล่าวยังสามารถใช้เป็นที่ดินวากัฟ เพื่อการศึกษาตามเจตนารมณ์ที่แท้จริงของผู้ก่อตั้งโรงเรียนญีฮาดวิทยาได้ ทั้งนี้ ทางราชการจะไม่อนุญาตให้ใช้ที่ดินดังกล่าวเพื่อการอื่นใด นอกเหนือจากเพื่อการศึกษาศาสนาอิสลาม ตามวัตถุประสงค์ของผู้ก่อตั้งโรงเรียนญีฮาดวิทยา

3.ในการดำเนินการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามข้อสอง ผู้นำองค์กรทางศาสนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย จะได้ร่วมประชุมหารือกัน เพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาและเห็นพ้องต้องกันให้แต่งตั้ง คณะกรรมการพิเศษขึ้นมาชุดหนึ่งให้มีหน้าที่พิจารณาแนวทางการใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว ให้สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน และตอบสนองเจตนารมณ์เดิมของเจ้าของที่ดินได้

จากนั้นนายซาฟีอี เจะเลาะ ประธาน กอจ.นราธิวาส เป็นแถลงข่าวเป็นภาษามลายู พร้อมกันนี้มีการแจกเอกสารคำแถลงข่าวทั้งภาษาไทยและภาษามลายูให้ผู้สื่อข่าวที่มาร่วมฟังด้วย และไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวได้ถามผู้แถลง

หลังจากแถลงข่าวเสร็จผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์นายบันยาล แวมะนอ ลูกชายนายดุลเลาะ แวมะนอ เจ้าของโรงเรียนญีฮาดวิทยาที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายทางโทรศัพท์ โดยนายบันยาลกล่าวว่า ที่ดินทั้ง 14 ไร่ของโรงเรียนญีฮาดวิทยาตอนนี้ตกเป็นของรัฐไปแล้ว จึงไม่เกี่ยวกับครอบครัวของตนแล้ว รัฐจะเอาไปทำอะไรก็เป็นเรื่องของรัฐ ถ้ารัฐจะให้ครอบครัวกลับไปดูแลอีกก็ไม่เอาแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาครอบครัวถูกครหาหนักมาก

“ส่วนอนาคตครอบครัวนั้น ทางศูนย์ประสานงานให้ความช่วยเหลือครอบครัวโรงเรียนปอเนาะญิฮาดวิทยาจะจัดงานเลี้ยงน้ำชาเพื่อสมทบทุนหาเงินซื้อที่ดิน 10 ไร่เพื่อสร้างโรงเรียนแห่งใหม่ตามที่ชาวบ้านและลูกศิษย์โรงเรียนญีฮาดวิทยาต้องการในวันที่ 19 มี.ค. 2559 นี้ โดยที่ดินที่จะซื้อก็อยู่ในหมู่บ้านท่าด่านเช่นกัน” นายบันยาล กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net