แรงงานอุตสาหกรรมเหล็กในยุโรปเดินขบวนเรียกร้องให้อียูมีมาตรการปกป้องทางการค้าต่อเหล็กราคาถูกจากจีน หลังสูญเสียงานในอุตสาหกรรมนี้ไปแล้วกว่า 85,000 คน ตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2551 จนถึงปัจจุบัน

กลุ่มแรงงานอุตสาหกรรมเหล็กยุโรปเดินขบวนหน้าสำนักงานคณะกรรมาธิการยุโรป กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม เรียกร้องให้สหภาพยุโรปป้องกันไม่ให้จีนทุ่มตลาดเหล็ก (ที่มาภาพ: BBC)

19 ก.พ. 2559 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (15 ก.พ.) แรงงานในอุตสาหกรรมเหล็กยุโรปกว่า 5,000 คน เดินขบวนผ่านหน้าสำนักงานคณะกรรมาธิการยุโรป ในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม เพื่อเรียกร้องให้สหภาพยุโรป (EU) ป้องกันไม่ให้จีนทุ่มตลาดเหล็ก เนื่องจากจะกระทบต่อการจ้างงานในอุตสาหกรรมนี้

จากรายงานข่าวของ Deutsche Welle ระบุว่าตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ (ปี 2551) การจ้างงานในยุโรปสูญเสียตำแหน่งงานอุตสาหกรรมนี้ไปแล้ว 85,000 อัตรา ราคาเหล็กทรุดต่ำสุดในรอบ 10 ปี จากการหลั่งไหลเข้ามาของเหล็กราคาถูกจีน ทั้งนี้ความเห็นกลุ่มแรงงานก็มีอาทิเช่นว่าจีนกำลังทุ่มตลาดทำให้ราคาเหล็กถูกลง และอยากให้มีการเพิ่มมาตรการทางภาษีนำเข้าเพื่อปกป้องผู้ผลิตในยุโรป และอุตสาหกรรมเหล็กผันผวนถ้าหากมีการนำเข้าเหล็กราคาถูกจากจีนเข้ามาอย่างต่อเนื่องพวกเขาอาจตกงานเพิ่มขึ้นอีกได้ ด้านผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กที่ร่วมเดินขบวนเรียกร้องพร้อมกับกลุ่มแรงงานในครั้งนี้ ก็สนับสนุนให้มีการเพิ่มมาตรการทางภาษีนำเข้าเหล็กจากจีน เพราะกังวลว่าเหล็กอาจล้นตลาดจนราคาตกต่ำเหมือนที่องค์การการค้าโลก (WTO) คาดการณ์ไว้

ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตเหล็กโลก (World Steel Association) ระบุว่าในปี 2557 นั้น จากยอดการผลิตเหล็กรวมกันทั้งโลกนั้น จีนมีสัดส่วนการผลิตถึงร้อยละ 49.4 ขณะที่ประเทศกลุ่มสหภาพยุโรป 28 ชาติรวมกันมีสัดส่วนการผลิตเพียงร้อยละ 10.2 เท่านั้น ส่วนข้อมูลจาก Worldsteel ระบุว่าเมื่อปี 2558 ที่ผ่านมาจีนเป็นผู้ผลิตเหล็กเบอร์หนึ่งของโลกที่ 803.8 ล้านตัน

อนึ่งหลายประเทศกำลังเป็นห่วงถึงสถานการการทุ่มตลาดเหล็กของจีน ซึ่งส่งผลให้ราคาเหล็กในตลาดโลกบิดเบือนมีราคาถูกกว่าความเป็นจริง จนทำให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรงและส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในอุตสาหกรรมนี้โดยตรงหลายพันคน ไม่ว่าจะเป็น บริษัท ยูเอส สตีล คอร์ป (United States Steel Corp) ที่ประกาศปลดพนักงานอย่างต่อเนื่อง บริษัท อาร์เซอลอร์มิตตัลลิส (ArcelorMittalis) ประกาศปิดโรงงานที่สหรัฐอเมริกามีการเลิกจ้างพนักงาน 5,000 คน เพื่อรักษาสายพานการผลิตอื่นไว้ หรือแม้แต่โรงงานของ บริษัท ซี เอส เอ็น (Companhia Siderúrgica Nacional - CSN) ในบราซิล อันมีโรงงานที่ถือว่ามีต้นทุนในการผลิตเหล็กต่ำสุดในโลกแห่งหนึ่งก็ยังต้องหยุดการผลิตบางส่วนไป

รวมถึงโรงงานถลุงเหล็กในอังกฤษของเครือสหวิริยา กลุ่มทุนอุตสาหกรรมเหล็กจากประเทศไทย ก็ได้ประกาศปิดตัวส่งผลให้คนงานท้องถิ่นตกงานเกือบ 2,000 คน เมื่อเดือน ก.ย. 2558 ที่ผ่านมา โดยสหภาพแรงงานและอุตสาหกรรมเหล็กในอังกฤษได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลอังกฤษช่วยแก้ปัญหาในครั้งนั้นด้วย (อ่านเพิ่มเติม: ปิดโรงเหล็กสหวิริยาในอังกฤษ ส่งผลคนตกงานเกือบสองพัน)