ศิริกาญจน์ เจริญศิริ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนและหนึ่งในคณะทำงานคดี 14 ขบวนประชาธิปไตยใหม่ เข้ารับทราบข้อหาไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานแล้ว หลังปฏิเสธไม่ให้ ตร. ที่ไม่มีหมายค้นรถตนเองเพื่อยึดโทรศัพท์ขบวนประชาธิปไตยใหม่ ส่วนคดีแจ้งความเท็จ ไม่ได้ว่าแจ้งความเท็จตรงไหน รอสอบผู้กล่าวหาเพิ่ม
ศิริกาญจน์ เจริญศิริ หรือทนายจูน ทนายความจากศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน (ที่มาภาพ เพจขบวนการประชาธิปไตยใหม่ New Democracy Movement - NDM)
9 ก.พ.2559 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา ที่สน.ชนะสงคราม ศิริกาญจน์ เจริญศิริ หรือทนายจูน ทนายความจากศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน และหนึ่งในคณะทำงานคดี 14 ขบวนประชาธิปไตยใหม่ เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก 2 ฉบับ จากพนักงานสอบสวนสน.ชนะสงคราม เพื่อให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งหมายแรกเป็นข้อหา ทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานซึ่งสั่งการตามอำนาจหน้าที่ ทีมีกฎหมายให้ไว้ ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นโดยไม่มีเหตุหรือข้อแก้ตัวอันสมควร และหมายที่สองแจ้งความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวน
สำหรับความคืบหน้า ภาวิณี ชุมศรี ทนายความจากศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา โดย ศิริกาญจน์ ได้ให้การปฏิเสธ พร้อมทั้งให้การในรายละเอียดด้วยวาจาและหนังสือ โดยตำรวจแจ้งว่าจะไม่มีการส่งตัวไปศาล หรือควบคุมตัว เนื่องจากมาตามหมายเรียก สำหรับคดีนั้นมี 2 คดี โดยคดีหนึ่งเป็นศาลแขวง เนื่องจากเป็นลหุโทษ โดยพนักงานสอบสวนจะไปยื่นที่ศาลเพื่อขอผัดฟ้อง ประมาณ 1 เดือน เพื่อนัดมายื่นฟ้องอีกที และอีกคดีเป็นศาลอาญา
ภายหลังการฝากขังเสร็จสิ้นแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดยพล.ต.ท.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 ได้ขอเข้าตรวจค้นรถของ ศิริกาญจน์ เพื่อขอตรวจค้นโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาทั้ง 14 ราย แต่เนื่องจากทีมทนายความเห็นว่าพนักงานสอบสวนได้อยู่ร่วมกับผู้ต้องหามาตั้งแต่เวลา 17.00 น.จนถึง 00.30 น.โดยมิได้ขอตรวจยึดโทรศัพท์มือถือจากผู้ต้องหาและพล.ต.ท.ชยพล ฉัตรชัยเดช ไม่สามารถตอบได้ว่าต้องการสิ่งใดในโทรศัพท์มือถือ จึงไม่อนุญาตให้ทำการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการยึดรถและผนึกรถด้วยกระดาษ A 4 ทำให้ทนายความจากจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ต้องนอนเฝ้ารถคันดังกล่าวบริเวณหน้าศาลทหารตลอดทั้งคืน
ต่อมาในวันที่ 27 มิ.ย.58 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้นมาแสดง ศิริกาญจน์ จึงยินยอมให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้นและยึดโทรศัพท์มือถือไปทั้งหมด 5 เครื่อง โดยก่อนที่เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์พยานหลักฐานกลางจะได้ทำการปิดผนึกโทรศัพท์มือถือเพื่อส่งมอบให้พนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์ได้นำมือถือเครื่องดังกล่าวไปจากสถานที่เกิดเหตุและเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์พยานหลักฐานกลาง โดยไม่มีผู้ใดรู้เห็นเป็นพยานกว่าสิบนาที่ เมื่อมีการทักท้วงว่าเป็นการกระทำผิดขั้นตอนเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวจึงนำโทรศัพท์มือถือกลับมาเพื่อปิดผนึก
ในวันเดียวกันหลังจากการทำบันทึกตรวจยึดสิ่งของที่สถานีตำรวจนครบาลชนะสงครามแล้ว ศิริกาญจน์ ได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนสน.ชนะสงครามว่าพล.ต.ท.ชยพล ฉัตรชัยเดชและพวกกระทำความผิดตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต จากเหตุการณ์ยึดรถข้ามคืน ซึ่งนำมาสู่เหตุการออกหมายเรียกผู้ต้องหาในวันนี้
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)