Skip to main content
sharethis

ประวิตรเผยหลังถูกเชิญ 'กินกาแฟ' ทหารห่วงการแสดงความเห็นทางการเมือง แลกเปลี่ยนกลับเป็นห่วงหลายเรื่อง ทั้งเรื่องอารมณ์แปรปรวนของพลเอกประยุทธ์-รธน.-กรณีอุ้มจ่านิว

3 ก.พ. 2559 ประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสเว็บไซต์ข่าวสด ภาคภาษาอังกฤษ ให้สัมภาษณ์กับประชาไทหลังถูกเจ้าหน้าที่ทหารเชิญ 'กินกาแฟ' เพื่อแนะนำผู้บังคับบัญชาคนใหม่ของเขตพื้นที่บางกะปิ แต่กลับไม่ได้เจอเพราะติดภารกิจเร่งด่วน ก่อนหน้านี้ ประวิตรเคยถูกเรียกเข้าค่าย "ปรับทัศนคติ" แล้ว 2 ครั้ง โดยการกินกาแฟครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกหลังออกจากค่าย

การ 'กินกาแฟ' ครั้งนี้ มีร้อยโทชลภัทร ผึ่งผาย นายทหารยุทธการ บก.ชค.ร.12 พัน.2 รอ และทหารอีกนายเข้าร่วมพูดคุย โดยนอกจากประวิตรแล้ว ยังมีผู้ร่วมจิบกาแฟอีกสามคน ได้แก่ สุนัย ผาสุก ที่ปรึกษาองค์กรสิทธิ ฮิวแมนไรท์วอทช์, พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม และแซม ซาริฟิ คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (ICJ) พร้อมด้วยทนายความ ผู้สื่อข่าวจากวอยซ์ทีวีและข่าวสด อิงลิชเข้าร่วมสังเกตการณ์ 

เขาเล่าถึงเนื้อหาในการพูดคุยหลักๆ ของทหาร  ได้แก่ การแสดงความเป็นห่วงต่อการแสดงความเห็นในประเด็นการเมืองของประวิตร ผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ ทั้งเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ ซึ่งเขาเองได้เน้นย้ำไปว่า เขามีความระมัดระวัง ขณะเดียวกันเขาได้แลกเปลี่ยนว่า เขามีความเป็นห่วงในหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องอารมณ์อันแปรปรวนของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และกระแสต่อต้านรัฐธรรมนูญ พร้อมทั้งเสนอว่าหาก คสช.สามารถปรับได้ ควรส่งสัญญาณที่ชัดเจนให้กรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อพบกันครึ่งทาง เพราะเท่าที่ทราบมาประชาชนก็ไม่เห็นด้วยกับการร่างในครั้งนี้

ประวิตร เล่าว่า เขาได้พูดคุยว่า อยากให้ คสช.ดำเนินการตามโรดแมปภายในปี 2560 ให้เสร็จสิ้น รวมทั้งแสดงความเห็นว่า การอุ้ม นิว สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ไม่ได้ทำให้เกิดประโยชน์แต่อย่างใด หนำซ้ำ นิวยังกล่าวว่ามีการทำร้ายร่างกายอีกด้วย ซึ่งแม้ทหารจะออกมาปฏิเสธ แต่ด้วยเหตุการณ์ที่ว่านั้นเกิดขึ้นตอนกลางคืน จึงไม่สามารถหาเหตุผลเพื่อมายืนยันคำกล่าวอ้างนั้นได้ และหวังว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก เพราะทำให้ความไว้วางใจและการอยู่ร่วมกันกับ คสช.ในเวลาที่เหลือ ไม่ราบรื่น

เขากล่าวว่า ในเดือน มี.ค.ที่จะถึง มีการนัดจิบกาแฟอีกครั้ง เพื่อเข้าพบ ผบ. อีกรอบหนึ่ง หลังจากวันนี้ไม่ได้พบ เขามองว่า การเชิญในลักษณะนี้ ถึงแม้จะสุภาพ แต่สุดท้ายก็คือการขู่บังคับชนิดหนึ่ง ซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ 

“เรื่องสุดท้ายที่คุยกับเขา ผมบอกว่าผมซื้อดอกป็อปปี้ไม่ได้ จริงๆ วันนี้นัดมาโดยบังเอิญเป็นวันทหารผ่านศึก ก็ได้บอกทางร้อยโทชลภัทรว่า ผมซื้อดอกป็อปปี้ไม่ได้หรอก ตราบใดที่ยังมีเผด็จการทหาร หรือ คสช.อยู่ในอำนาจแบบนี้ แต่ถ้าออกไปเมื่อไหร่แล้วก็จะซื้อ” เขากล่าว

เมื่อถามถึงการวางท่าทีในอนาคต เขากล่าวว่า น่าจะต้องเพิ่มความระมัดระวังในการทำงานให้มากขึ้น หรืออย่างน้อยก็ตระหนักว่ามีคนคอยมองอยู่ โดยอธิบายว่า ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ร้อยโทชลภัทรและนายทหารระดับพันโทหรือพันเอกอีกคน ยอมรับว่าได้ติดตามทวิตเตอร์กับเฟซบุ๊กของเขา รวมทั้งสามารถกล่าวอ้างถึงความเห็นบางอย่างที่เขาเคยโพสต์ได้อย่างแม่นยำ

“ถ้ามองในแง่ดีก็คือ ผมว่ามันเป็นการตอกย้ำว่าผมยังได้ทำหน้าที่ตรวจสอบ วิพากษ์ คสช.ในระดับหนึ่งอยู่ ส่วนจะระวังเพิ่มขึ้นไหม ผมคิดว่าผมระวังตัวอยู่แล้ว เหมือนเขามาเตือนให้เรารู้ว่าเขายังจับตามองอยู่” เขากล่าว

“ผมอยากจะเน้นว่า ถึงแม้มันจะผ่านไปอย่างสุภาพและด้วยดี นี่ก็คือระบบการควบคุมและกดขี่อย่างสุภาพ ทำให้เรารู้สึกว่าเสรีภาพที่เราควรจะมีในการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล หรือกลุ่มคนมีอำนาจ มันไม่ได้มีเหมือนในรัฐบาลที่มันมาจากการเลือกตั้ง” ประวิตรกล่าว

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net