กก.นโยบายไทยพีบีเอสตอบแล้ว ยัน ผอ.ไม่จำเป็นต้องเป็นสื่อ เหตุภูมิทัศน์สื่อเปลี่ยน

พนง.ไทยพีบีเอส ยื่นข้อเรียกร้องเพิ่ม ขอคณะกรรมการนโยบาย-คณะกรรมการสรรหา ผอ.ไทยพีบีเอส ชี้แจงกระบวนการสรรหาต่อสาธารณะ ด้านคณะกรรมการนโยบาย ร่อนหนังสือแจง ภูมิทัศน์สื่อเปลี่ยน บุคคลไม่จำเป็นต้องเคยสังกัดสื่อ-มีประสบการณ์ตรง

29 ม.ค. 2559 เว็บไซต์นักข่าวพลเมืองไทยพีบีเอส รายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น. ตัวแทนพนักงานไทยพีบีเอสรวมตัวกันยื่นเอกสารต่อคณะกรรมการนโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือไทยพีบีเอส เพื่อทวงถามความคืบหน้า หลังการยื่นหนังสือเปิดผนึกเมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา ตั้งคำถามต่อกระบวนการสรรหาผู้อำนวยการ ส.ส.ท.คนใหม่

โดยตัวแทนพนักงานตั้งข้อสังเกตว่า ผอ.ส.ส.ท.คนใหม่ อาจมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนตาม พ.ร.บ.องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 มาตรา 32 (3) ที่ระบุว่า ต้องมีคุณสมบัติ "มีความรู้ความเข้าใจและมีความเชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์ในกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการวิทยุโทรทัศน์ หรือการสื่อสารมวลชน"

การยื่นหนังสือครั้งนี้ยืนยันคำถามเดิมพร้อมยื่นรายชื่อพนักงานที่รวบรวมได้เพิ่มเติม อีกทั้งมีการยื่นข้อเสนอให้มีการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ดังนี้

1.ให้ชี้แจงหลักเกณฑ์และเหตุผลต่อสาธารณะถึงการพิจารณาคุณสมบัติ ผอ.ส.ส.ท. คนใหม่ ว่าตรงตามที่ระบุไว้ใน พ.ร.บ.องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะฯ อย่างไร โดยไม่ใช่การอธิบายขั้นตอนกลไกการพิจารณาเพียงอย่างเดียว แต่มุ่งเน้นการตีความคุณสมบัติ ผอ. ส.ส.ท. ซึ่งเชื่อมโยงถึงอนาคตขององค์การฯ

2.เพื่อสร้างบรรยากาศและบรรทัดฐานของ “สื่อเพื่อสาธารณะ เที่ยงตรง โปร่งใส สังคมเป็นธรรม” ตามปรัชญาขององค์การฯ ขอให้เปิดทาวน์ฮอลล์ เพื่อตอบข้อสงสัยดังกล่าวต่อประชาคมไทยพีบีเอสภายในวันศุกร์ที่ 5 ก.พ. 2559 โดยเปิดเผยข้อมูล พร้อมแสดงเอกสารที่เกี่ยวข้องในกระบวนการสรรหา ทั้งจากคณะกรรมการนโยบาย และคณะกรรมการสรรหา ผอ.ส.ส.ท.

“การชี้แจงและอธิบายต่อสาธารณะเป็นหนทางของอารยชนที่พึงกระทำเมื่อเกิดบรรยากาศแห่งความสงสัยคลางแคลง เราหวังอย่างยิ่งว่าประธานกรรมการนโยบาย กรรมการนโยบาย และคณะกรรมการสรรหา ผอ.ส.ส.ท. จะไม่นิ่งเฉยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น” เอกสารของพนักงานไทยพีบีเอสระบุ

กก.นโยบายยัน ไม่ได้ล็อคสเปค
ด้านคณะกรรมการนโยบาย ส.ส.ท. มีตัวแทน คือ รุ่งมณี เมฆโสภณ กรรมการนโยบายด้านกิจการสื่อสารมวลชนและ สมพันธ์ เตชะอธิก กรรมการนโยบายด้านส่งเสริมประชาธิปไตย มารับหนังสือจากพนักงาน พร้อมมอบเอกสารคำชี้แจงของกรรมการนโยบาย เรื่อง การสรรหาผู้เข้าดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ส.ส.ท. ซึ่งเผยแพร่ต่อสาธารณะให้กับพนักงาน

คำชี้แจงระบุว่า คุณสมบัติของผู้ที่ได้รับเลือกเป็นผู้อำนวยการ ส.ส.ท. คนใหม่ มิได้ขัดกับมาตรา 32 (3) ของพระราชบัญญัติ ส.ส.ท. พ.ศ. 2551 แต่อย่างใด พร้อมระบุว่า เนื่องจากปัจจุบันสภาพภูมิทัศน์สื่อมีการเปลี่ยนแปลงและเทคโนโลยีทางการสื่อสารก้าวหน้าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้มีผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจและมีความเชี่ยวชาญเกิดขึ้นมากมาย โดยไม่จำเป็นที่จะต้องทำงานสังกัดองค์กรสื่อสารมวลชนหรือมีประสบการณ์โดยตรง

ด้านนางรุ่งมณีรับปากว่า จะนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับคณะกรรมการนโยบาย แต่ยืนยันว่า การสรรหาไม่มีการล็อคสเปคและได้สรรหาตามกระบวนการขั้นตอนที่ถูกต้อง โดยเฉพาะกรณีที่พนักงานไทยพีบีเอสและสังคมภายนอกสงสัยในคุณสมบัติว่าที่ ผอ.ส.ส.ท.ตามมาตรา 32(3) ก็ได้สอบถามผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายหลายคน ก็เห็นตรงกันว่า ไม่เลือกคนที่เคยทำงานในวิชาชีพโดยตรงก็ได้

"เราไม่ได้มาฆ่าตัวตายที่นี่ เพราะการเลือกผอ.ส.ส.ท.ผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบ ยกตัวอย่างนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ก็เคยเป็นอดีตผู้อำนวยการช่อง 9 อสมท.ก็มาจากแวดวงการตลาด แต่ทำให้ช่อง 9 มีความน่าสนใจ ดังนั้นการเลือกคุณหมอกฤษดาเราจึงคิดว่า เพื่อให้สถานีใช้ความสามารถจากคุณหมอ ถ้าเขาทำงานไม่ได้ภายใน 6 เดือนก็อาจไม่ผ่านการพิจารณา" นางรุ่งมณี กล่าว

 

รายละเอียดคำชี้แจง มีดังนี้

คำชี้แจงของคณะกรรมการนโยบาย
เรื่อง การสรรหาผู้เข้าดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ส.ส.ท.

สืบเนื่องจากการที่พนักงาน ส.ส.ท. จำนวน 32 คนได้ลงชื่อในจดหมายเปิดผนึก ลงวันที่ 26 มกราคม 2559 ขอให้คณะกรรมการนโยบายชี้แจงเรื่องกระบวนการสรรหาผู้อำนวยการ ส.ส.ท. ต่อสาธารณะ หลังจากคณะกรรมการนโยบายมีมติเลือกผู้อำนวยการ ส.ส.ท. คนใหม่ไปเมื่อวันที่ 14 มกราคม ศกนี้ นั้น

คณะกรรมการนโยบายขอบคุณพนักงานที่มีความห่วงใยองค์การและขอชี้แจงดังนี้

ประเด็นเรื่องคุณสมบัติของผู้อำนวยการ ส.ส.ท. นั้น มาตรา 32 (3) ของพระราชบัญญัติองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ.2551 ระบุว่า “มีความรู้ความเข้าใจและมีความเชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์ในกิจการวิทยุกระจายเสียงกิจการวิทยุโทรทัศน์หรือการสื่อสารมวลชน” นั้น คุณสมบัติดังกล่าวผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการสรรหาผู้อำนวยการ ส.ส.ท. ที่ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกด้านกฎหมายสื่อ สื่อสารมวลชน ทั้งภาควิชาการและวิชาชีพ รวมทั้งภาคประชาสังคม รวมถึงได้หารือเพิ่มเติมประเด็นนี้กับผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมีข้อสรุปว่า คุณสมบัติของผู้ที่ได้รับเลือกเป็นผู้อำนวยการ ส.ส.ท. คนใหม่ มิได้ขัดกับมาตรา 32 (3) ของพระราชบัญญัติ ส.ส.ท. พ.ศ. 2551

กรณีที่มีความเข้าใจโดยทั่วไปว่า ผู้อำนวยการ ส.ส.ท. ต้องมีประสบการณ์ตรงด้านสื่อนั้น เนื่องจากปัจจุบันสภาพภูมิทัศน์สื่อมีการเปลี่ยนแปลงและเทคโนโลยีทางการสื่อสารก้าวหน้าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้มีผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจและมีความเชี่ยวชาญเกิดขึ้นมากมาย โดยไม่จำเป็นที่จะต้องทำงานสังกัดองค์กรสื่อสารมวลชนหรือมีประสบการณ์โดยตรง

คณะกรรมการนโยบายขอเรียนให้ทราบทั่วกันว่า คณะกรรมการนโยบายชุดนี้ตระหนักถึงความโปร่งใสในกระบวนการสรรหาผู้เข้าดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ส.ส.ท. มาตั้งแต่ต้น จะเห็นได้ว่าคณะกรรมการสรรหาผู้เข้าดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ส.ส.ท. ชุดนี้ ไม่มีคณะกรรมการนโยบายร่วมอยู่ เพื่อความโปร่งใสและหลีกเลี่ยงข้อครหาที่อาจเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้คณะกรรมการนโยบายยังได้ปรับคุณสมบัติอื่นๆ ในการสรรหาผู้อำนวยการ ส.ส.ท. ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น เช่น คุณสมบัติทางการศึกษาและประสบการณ์ในการบริหารองค์การขนาดใหญ่ อีกทั้งได้มอบหมายให้ฝ่ายบริหารไปปรับแก้คุณสมบัติของพนักงานให้สอดคล้องกับแนวทางข้างต้น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติด้วย

คณะกรรมการนโยบายขอขอบคุณอย่างยิ่งที่พนักงานและสาธารณะชนส่วนหนึ่งให้ความสนใจต่อกระบวนการสรรหาผู้อำนวยการ ส.ส.ท. ครั้งนี้ ส.ส.ท. เป็นองค์การสาธารณะที่มีเจตจำนงที่จะให้ประชาคมทั้งภายในและภายนอกมีส่วนร่วมในการผลักดันสื่อสาธารณะแห่งนี้ เพื่อสร้างคุณค่าและประโยชน์ต่อสังคมโดยรวมอย่างแท้จริง

คณะกรรมการนโยบาย ส.ส.ท.
29 มกราคม 2559

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท