อลงกรณ์ จัดเตรียมข้อเสนอ สปท. ให้ กรธ. เบื้องต้นเห็นตรงกันควรมีการวางยุทธศาสตร์ของชาติ 20 ปี พร้อมหนุนการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาเสริมสร้างสังคมสันติสุข ย้ำทุกฝ่ายต้องปรองดองก่อนเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2559 เว็บข่าวรัฐสภา รายงานว่า อลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศได้เดินทางมาประสานเรื่องการนำส่งความเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศกับ มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ที่โรงแรมเลควิว รีสอร์ท แอนด์ กอล์ฟคลับ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นสถานที่การประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ นอกสถานที่

พร้อมเปิดเผยว่า ในวันที่ 12 ม.ค. สปท.จะส่งความเห็นประกอบการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญรอบแรก กับประธาน กรธ. และประสานเตรียมทำความเห็นรอบ 2 ภายหลัง กรธ. ทำร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกเสร็จในวันที่ 29 ม.ค. นี้ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับวาระการปฏิรูป และกลไกปฏิรูปประเทศในระยะสั้น ระยะยาว เพื่อให้การปฏิรูปได้รับการบรรจุไว้ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เบื้องต้น ขณะนี้ กรธ.ได้บัญญัติเรื่องการปฏิรูปการศึกษาในรูปแบบใหม่ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ กรธ.ว่าจะบัญญัติเรื่องการปฏิรูปไว้อย่างไร โดยเฉพาะจะต้องมีบทบัญญัติไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญในการปฏิรูป และมีแนวทางครอบคลุมการปฏิรูปทั้ง 11 ด้าน

ไทยรัฐออนไลน์ รายงานด้วยว่า อลงกรณ์กล่าวว่า สำหรับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เท่าที่ได้หารือกับ ประธาน กรธ. ก็พบว่า เห็นตรงกันว่าควรกำหนดแนวทางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อสร้างความต่อเนื่อง เพราะอดีตที่ผ่านมาไม่ได้มีกลไกในการส่งต่อรัฐบาลหนึ่งไปยังอีกรัฐบาลหนึ่ง ดังนั้นรัฐธรรมนูญเป็นกลไกสำคัญในเรื่องของยุทธศาสตร์ชาติ ส่วนจะต้องมีองค์กรมากำกับการปฏิรูปหรือไม่นั้นคงให้ กรธ. ทำหน้าที่พิจารณา แต่เข้าใจว่าคงไม่น่าจะมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ(คปป.) อีกแล้ว

อลงกรณ์ กล่าวถึงกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เตรียมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาเสริมสร้างสังคมสันติสุขว่า ถือเป็นแนวทางที่ทุกฝ่ายควรสนับสนุนในการสร้างสันติสุขและความสมานฉันท์ ปรองดอง เพราะเป็นเรื่องสำคัญของอนาคตประเทศ ส่วนจะออกมาในรูปแบบใดไม่ใช่โจทย์ที่ กรธ.หรือ สนช.กำหนด แต่ทุกฝ่าย ทั้งกลุ่มการเมือง พรรคการเมืองจะต้องเห็นพ้องต้องกันด้วย สิ่งสำคัญเราไม่สามารถออกกฎหมายเพื่อทำให้คนหันมาปรองดองได้ถ้าหากใจยังไม่ ปรองดอง ดังนั้นต้องทำในระดับปรึกษาหารือกันและลดช่องว่างของความคิดที่แตกต่างกัน และจะต้องมีเป้าหมายแห่งชาติร่วมกัน ก้าวข้ามความขัดแย้งและกลับเข้าสู่กติกาที่เป็นธรรมกับทุกฝ่ายบนเส้นทางประชาธิปไตย รวมทั้งทุกฝ่ายต้องพร้อมเดินหน้าให้เกิดความปรองดองก่อนเลือกตั้ง ไม่เช่นนั้นจะเกิดความขัดแย้ง ต่อสู้ คัดค้าน ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกเช่นเดิม ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้พรรคการเมืองทุกพรรคหันหน้าพูดคุยกัน และหันหน้าพูดคุยสนับสนุนแนวทางที่ สนช. ตั้งกมธ.ชุดนี้ขึ้น