Skip to main content
sharethis

กรณี 'หญิงบำเรอ' สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เป็นทั้งบาดแผลของเหยื่อชาวเกาหลีใต้และเป็นตราบาปของญี่ปุ่น จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้จะมีข้อตกลงเยียวยาในเรื่องดังกล่าวแล้ว นักวิชาการชาวญี่ปุ่นวิเคราะห์ว่าเหตุใดประเทศที่มึนตึงต่อกันในเรื่องนี้ถึงสามารถบรรลุข้อตกลงได้ โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่เคยมีท่าทีชาตินิยมมาก่อน

5 ม.ค. 2559 โทโก คะซุอิโกะ ผู้อำนวยการสถาบันโลกสัมพันธ์ (Institute of World Affairs) และศาตราจารย์ด้านการเมืองระหว่างประเทศมหาวิทยาลัยเกียวโตซังเกียว เขียนบทความในประเด็นที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้สามารถเจรจายุติข้อพิพาทกรณี 'หญิงบำเรอ' ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้สำเร็จ

ทั้งสองชาติประกาศว่าสามารถเจรจายุติข้อพิพาทกรณีดังกล่าวนี้ได้ตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. 2558 โดยที่ฝ่ายนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่นกล่าวขอโทษเหยื่อทุกคนที่ทำให้เกิดบาดแผลในจิตใจ และทางการญี่ปุ่นยังเสนอเงินช่วยเหลือเยียวยาเหยื่อ 1,000 ล้านเยน (ราว 302 ล้านบาทไทย) โดยแลกเปลี่ยนด้วยการเรียกร้องให้เกาหลีใต้นำรูปปั้นเด็กผู้หญิงเท้าเปล่าซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนหญิงบำเรอออกจากสถานทูตญี่ปุ่นในกรุงโซล ฝ่ายตัวแทนเกาหลีให้สัญญาว่าจะมีการหารือกับรัฐบาลในเรื่องนี้

ในบทความของโทโกมีการวิเคราะห์ถึงท่าทีของนายกฯ อาเบะผู้ที่ก่อนหน้านี้เคยแสดงออกในเชิงไม่ต้องการให้มีการเยียวยาใดๆ กับหญิงบำเรอ แต่ก็มีสาเหตุบางอย่างที่ทำให้อาเบะเปลี่ยนท่าทีตัวเอง ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเดือน เม.ย. 2558 ที่อาเบะไปเยือนสหรัฐฯ เขาแสดงออกในเชิงเข้าใจถึงความเจ็บปวดที่หญิงบำเรอเหล่านี้เคยประสบมา และในสุนทรพจน์รำลึก 70 ปีการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็มีการอ้างอิงคำแถลงการณ์ขอโทษของอดีตนายกรัฐมนตรี โทะมิอิจิ มุระยะมะ ตั้งแต่ปี 2538 เพื่อขอโทษเรื่องที่ญี่ปุ่นกระทำในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

หลังจากนั้นในเดือน พ.ย. 2558 อาเบะได้พบปะหารือสองฝ่ายร่วมกับประธานาธิบดีปาร์กกึนเฮของเกาหลีใต้เพื่อหารือในประเด็นเรื่อง 'หญิงบำเรอ' โดยมีการตกลงร่วมกันว่าจะทำให้ข้อพิพาทในประเด็นนี้ยุติอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

โทโกระบุว่าไม่ว่าอาเบะจะมีความคิดดั้งเดิมอย่างไรก็ตามเขาก็เป็นนักปฏิบัตินิยมที่รับฟังความคิดเห็นหลากหลาย มีหลายสาเหตุที่อาเบะยอมปรับท่าทีในเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 2 ใหม่ เช่นเรื่องการที่จะทำให้ญี่ปุ่นมีอำนาจนำทางศีลธรรมมากขึ้นถ้าหากแก้ข้อพิพาทนี้ได้ เรื่องความสำคัญของประเด็นเรื่องเพศสภาพในศตวรรษที่ 21 เรื่องความจำเป็นในการสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงกับเกาหลีใต้เพื่อรับมือกับการรุกคืบของจีน ซึ่งโทโกมองว่าการใช้เหตุผลและหลักการที่เน้นผลในทางปฏิบัติเช่นนี้ทำให้อาเบะยอมก้าวข้ามแนวคิดแบบชาตินิยมของตัวเอง

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยจากจุดยืนของสหรัฐฯ โดยโทโกระบุว่าจากที่ทั้งเกาหลีใต้และญี่ปุ่นต่างก็เป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ ทำให้ไม่อยากให้ประเทศพันธมิตรในภูมิภาค
นี้ต้องเกิดความตึงเครียดระหว่างกัน นอกจากนี้รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่นยังมีบทบาทสำคัญในการให้คำแนะนำและสรรหาถ้อยคำที่เหมาะสมเพื่อระบุในข้อตกลง

ความยุ่งยากที่ตามมาคือ การต่อต้านจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมในญี่ปุ่น แต่โทโกมองว่าในทางการเมืองแล้วอาเบะเป็นผู้นำที่เข้าถึงหัวอกของกลุ่มชาตินิยมที่มีอำนาจที่สุดในตอนนี้ แม้ว่าจะยังคงมีการประท้วงข้อตกลงเรื่อง 'หญิงบำเรอ' แต่อีกไม่นานหลังจากนี้กลุ่มชาตินิยมก็คงจะยอมตามอาเบะในที่สุด

โทโกระบุว่าการที่เกาหลีใต้ยอมรับข้อตกลงนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยากกว่า เพราะในข้อตกลงไม่มีการระบุว่าญี่ปุ่นยอมรับในอาชญากรรมและมีความรับผิดชอบตามกฎหมายในประเด็นหญิงบำเรอซึ่งเป็นเรื่องที่ภาคประชาสังคมเกาหลีใต้เรียกร้อง ทำให้โทโกประเมินว่าน่าจะเป็นเพราะเรื่องจุดยืนของสหรัฐฯ การปรับสมดุลความสัมพันธ์กับจีนและความคับข้องใจของคนในประเทศที่มองว่ารัฐบาลเกาหลีใต้ไม่มีนโยบายที่ยืดหยุ่นต่อญี่ปุ่น

อย่างไรก็ตามยังมีประเด็นที่ว่าทั้งสองฝ่ายจะดำเนินการตามปณิธานข้อตกลงหรือไม่ ซึ่งโทโกมองว่ามีความเป็นไปได้ที่ทั้งสองฝ่ายจะทำตามข้อตกลงโดยต้องอาศัยความร่วมมือและความเข้าใจร่วมกันจากทั้งสองฝ่าย ในฝ่ายญี่ปุ่นต้องไม่มองว่าเรื่องนี้จะทำให้ประเด็นหญิงบำเรอจบลงโดยปริยาย ผู้นำญี่ปุ่นจะยังต้องแสดงให้เห้นถึงจิตใจที่นอบน้อมและแสดงการรำลึกถึงเหตุการณ์ในอดีตอยู่ ทางฝ่ายเกาหลีใต้ยังมีกลุ่มภาคประชาสังคมที่วิจารณ์ข้อตกลงนี้ทำให้พวกเขาต้องโน้มน้าวคนกลุ่มนี้ให้ได้เพื่อมีจุดยืนต่อญี่ปุ่นอย่างแข็งกร้าวน้อยลง
 

เรียบเรียงจาก

What’s behind Abe’s new position on ‘comfort women’?, East Asia Forum, 03-01-2016
http://www.eastasiaforum.org/2016/01/03/whats-behind-abes-new-position-on-comfort-women/

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net