เรียกร้องศูนย์บริการวิชาการจุฬาฯ ยุติรับงาน กฟผ.จัดประชุมสร้างเขื่อนแม่น้ำสาละวิน

เครือข่ายชุมชนจัดการทรัพยากรลุ่มน้ำสาละวิน เรียกร้องปธ.สภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตรวจสอบและยุติบทบาทศูนย์บริการวิชาการ จุฬาฯ ที่รับจัดประชุมศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเขื่อนฮัตจี ในลุ่มน้ำสาละวินชายแดนไทย-พม่า ชี้ผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมยังไม่มีมาตรฐานที่จะยอมรับได้ นอกจากนี้เขื่อนจะก่อผลกระทบต่อชุมชนลุ่มน้ำสาละวิน รวมทั้งต่อผู้ลี้ภัยในพื้นที่สู้รบฝั่งพม่าด้วย

18 ธ.ค. 2558 - เครือข่ายชุมชนจัดการทรัพยากรลุ่มน้ำสาละวิน จ.แม่ฮ่องสอน ทำจดหมายเปิดผนึกถึง ประธานสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่อง ขอให้ตรวจสอบบทบาทของนักวิชาการศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรณีที่ศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดประชุม “ปัจฉิมนิเทศโครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติมโครงการไฟฟ้าพลังน้ำฮัตยีบริเวณชายแดนไทย-พม่า” ซึ่งจัดในวันที่ 18 ธ.ค. ที่หอประชุมโรงเรียนทองสวัสดิ์วิทยาคาร อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

ทั้งนี้เครือข่ายชุมชนฯ ระบุว่าการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการสร้างเขื่อนฮัตจีไม่มีมาตรฐานที่จะยอมรับได้ ศูนย์บริการวิชาการ ไม่สามารถลงพื้นที่ศึกษาได้อย่างแท้จริง เพราะสถานการณ์ในพม่ายังไมสงบฝั่งไทยลงพื้นที่เพียง 3 ชุมชนทั้งที่ป่าสาละวินเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และครอบคลุมพื้นที่ถึงลำน้ำสาขา และชี้ว่าเขื่อนจะก่อผลกระทบต่อชุมชนริมแม่น้ำสาละวิน และผู้ลี้ภัยในพื้นที่สู้รบใกล้พื้นที่สร้างเขื่อน โดยเรียกร้องให้สภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะผู้กำกับดูแลผู้รับจ้างทำการศึกษา ทบทวนบทบาททางวิชาการของสถาบันและยุติการดำเนินการศึกษาจนกว่าจะเกิดความสงบในพม่า โดยมีรายละเอียดดังนี้

000

จดหมายเปิดผนึกถึงประธานสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ขอให้ตรวจสอบบทบาทของนักวิชาการศูนย์บริการวิชาการ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรณีการศึกษาเขื่อนสาละวินในพม่า  

18 ธันวาคม 2558

เรียน     ประธานสภาจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย

เครือข่ายชุมชนจัดการทรัพยารลุ่มน้ำสาละวิน ได้รับจดหมายเชิญจากศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้เข้าร่วมประชุม “ปัจฉิมนิเทศโครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติมโครงการ ไฟฟ้าพลังน้ำฮัตยีบริเวณชายแดนไทย-พม่า” ซึ่งจะจัดขึ้นในวันนี้ (18 ธันวาคม 2558) ที่ หอประชุมโรงเรียนทองสวัสดิ์วิทยาคาร อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ระหว่างเวลา 8.30-12.30 น โดยระบุว่าเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและประชาสัมพันธ์โครงการ

เครือข่ายฯ ได้ติดตามกรณีดังกล่าวมาตลอด มีความเห็นดังนี้

1. การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมไม่มีมาตรฐานที่จะ ยอมรับได้: โครง การเขื่อนฮัตจี (Hat Gyi Dam) ขนาด 1,360 เมกกะวัตต์ ที่จะสร้างบนแม่น้ำสาละวิน ในรัฐกะเหรี่ยง พม่า ตั้งอยู่ห่างจากบ้านสบเมย อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เพียงราว 47 กิโลเมตร แต่ผลกระทบต่อระบบนิเวศแม่น้ำสาละวินซึ่งเป็นแม่น้ำนานาชาติ กลับยังไม่มีการศึกษาข้ามพรมแดนอย่างครอบคลุมพอเพียง หลายปีที่ผ่านมาพบว่า ศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาฯ ที่รับจ้างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทำการศึกษาเพิ่มเติมนั้น มิสามารถลงพื้นที่เพื่อศึกษาได้อย่างแท้จริง ทั้งเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่รัฐชาติพันธุ์ของพม่า โดยเฉพาะในรัฐกะเหรี่ยง ใกล้หัวงานเขื่อน และในฝั่งไทยนั้นก็พบว่าทำการศึกษาเพียง 3 หมู่บ้าน ริมแม่น้ำ ทั้งๆ ที่แม่น้ำสาละวินและผืนป่าสาละวินเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่มี ความอุดมสมบูรณ์ ครอบคลุมพื้นที่กว้าง มีลำน้ำสาขาต่างๆ ไหลเชื่อมต่อเป็นจำนวนมากจากทั้งจ.ตาก และ จ.แม่ฮ่องสอน อาทิ เมย เงา ยวม ปาย และเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับโลก

2. ผลกระทบต่อประชาชนและผู้ลี้ภัย: พื้นที่ก่อสร้างเขื่อนฮัตจีและบริเวณใกล้เคียง  หลายทศวรรษที่ผ่านมาเป็นพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบจากการ สู้รบในพม่า ส่งผลให้ประชาชนชาติพันธุ์จำนวนหลายหมื่นคนต้องหนีภัยความตาย มาอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวใน อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน อ.ท่าสองยาง และอ.แม่ระมาด จ.ตาก และส่วนใหญ่ยังอาศัยอยู่จวบจนปัจจุบัน การเริ่งรัดเดินหน้าโครงการเขื่อนขนาดใหญ่ในพื้นที่สู้รบ จะส่งผลกระทบต่อประชาชนในบริเวณชายแดน ดังที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ทำการตรวจสอบผลกระทบต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน การลงทุนในโครงการขนาดใหญ่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคำนึงถึงผลกระทบทางสังคม

ด้วยสองเหตุผลหลักนี้ เครือข่ายฯ จึงไม่สามารถยอมรับการศึกษาดังกล่าวได้ และเรียกร้องให้สภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะผู้กำกับดูแลผู้รับจ้างทำการศึกษา คือ ศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาฯ ทบทวนบทบาททางวิชาการของสถาบัน และสั่งให้ยุติการดำเนินการศึกษาทันที จนกว่าจะเกิดความสงบในพม่า ที่ประชาชนเจ้าของพื้นที่สามารถคืนกลับสู่ถิ่นฐาน สามารถแสดงความคิดเห็นต่อโครงการที่จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อสิ่ง แวดล้อมและชุมชน และเมื่อนั้นจึงจะสามารถเริ่มกระบวนการพิจารณาทางเลือกในการจัดหาพลังงานให้แก่ประชาชนอย่างรอบด้าน มีส่วนร่วม และโปร่งใส มิใช่การเร่งรัดกระบวนการรับจ้างนี้ให้จบโดยเร็วดังนี้เป็นอยู่

ขอแสดงความนับถือ

เครือข่ายชุมชนจัดการทรัพยากรลุ่มน้ำสาละวิน จ.แม่ฮ่องสอน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท