โฆษก กรธ. ระบุได้ 'โครงสร้าง ที่มา อำนาจหน้าที่ศาล รธน.' และ ที่มา 'ส.ส.-ส.ว.' แล้ว

โฆษก กรธ. แถลงได้โครงสร้าง ที่มา อำนาจหน้าที่ ศาล รธน. 9 คน วาระ 9 ปี เพิ่มอำนาจหน้าที่ตามที่ คสช. เสนอมา ด้าน ส.ส. 500 คน เขต 350 คน บัญชีรายชื่อ 150 คนใช้คะแนนทั้งหมดทั่วประเทศมาหาสัดส่วนของแต่ละพรรค หักลบจำนวนที่นั่ง ส.ส. เขตของแต่ละพรรคแล้วเติมเต็มด้วยบัญชีรายชื่อ ส่วน ส.ว. 200 คน ไม่มีเลือกตั้งโดยตรง แต่ให้เลือกตั้งทางอ้อมจากกลุ่มต่าง ๆ 
 
 
นายอุดม รัฐอมฤทธิ์ โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนู (ที่มาภาพ: radioparliament.net)
 
25 พ.ย. 2558 นายอุดม รัฐอมฤทธิ์ โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แถลงว่าที่ประชุมเห็นชอบโครงสร้าง ที่มา อำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ โดยให้มีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 คน มีวาระดำรงตำแหน่ง 9 ปี สำหรับอำนาจหน้าที่ที่จะเพิ่มให้กับศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตตามที่ คสช.เสนอมา ในส่วนวิกฤตด้านความขัดแย้งทางกฎหมาย เห็นว่า ควรจะให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจวินิจฉัย เพราะบางกรณีรัฐบาลอาจะเป็นคู่ขัดแย้งเสียเองจึงต้องมีองค์กรที่เป็นกลางมาชี้ขาด
 
โฆษก กรธ. กล่าวว่า แต่เดิมทีบอกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาต่อเมื่อมีปัญหาความขัดแย้งจากบทบัญญัติของกฎหมายหรือการใช้อำนาจหน้าที่ระหว่างองค์กรที่เกิดขึ้นแล้วเท่านั้น แต่ กรธ.เห็นว่ากรณีใดที่เห็นแล้วว่าจะเป็นปัญหา แม้จะยังไม่เกิดข้อขัดแย้ง จะเปิดช่องให้องค์กรที่เห็นว่ามีปัญหาต่อการดำเนินการ สามารถยื่นเรื่องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยไม่ต้องรอให้เกิดความขัดแย้งก่อน และอาจจะมีบัญญัติกฎหมายให้สามารถชะลอการตัดสินใจในประเด็นที่เห็นชัดว่าจะเกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างองค์กรในอนาคต
 
โฆษก กรธ. กล่าวว่า หน้าที่ที่เพิ่มเติมมาดังกล่าวจะมีส่วนแก้ปัญหาวิกฤติกรณีเรียกร้องให้มีนายกรัฐมนตรี มาตรา 7 ในอดีต ซึ่งเราจะมีการปรับไม่ให้มีการเขียนแบบมาตรา 7 ในอดีตอยู่ลอย ๆ ในบททั่วไปอีกแล้ว เพื่อไม่ให้มีใครเอาไปโยงกับสถาบัน แต่จะปรับถ้อยคำ และไปใส่ไว้ในส่วนที่เป็นอำนาจหน้าที่การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยโดยยึดกับประเพณีปฏิบัติและเจตนารมณ์ของตัวรัฐธรรมนูญ โดยให้ศาลรัฐธรรมนูญมาทำหน้าที่ชี้ขาด แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นการเอาศาลรัฐธรรมนูญจะทำให้ที่แทน คปป.แบบในร่างของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน
 
ส่วนที่มาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 คนนั้น จะมาจากตุลาการศาลฎีกาจำนวน 3 คนที่เลือกมาโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา, ตุลาการศาลปกครองสูงสุด 3 คนที่เลือกมาโดยที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุด, ผู้ทรงคุณวุฒิระดับศาสตราจารย์ทางนิติศาสตร์และผู้ทรงคุณวุฒิระดับศาสตราจารย์ทางรัฐศาสตร์และรัฐประสาสนศาสตร์อย่างละ 1 คน และผู้ทรงคุณวุฒิที่เคยเป็นอธิบดีหรือเทียบเท่าอีก 2 คน โดย 4 คนหลังนี้มาจากคณะกรรมการสรรหาที่มีโครงสร้างเดียวกับคณะกรรมการสรรหาที่คัดเลือกองค์กรอิสระต่างๆ
 
โฆษก กรธ. กล่าวว่า คณะกรรมการสรรหาองค์กรอิสระนั้นจะมาจากบุคคลโดยตำแหน่งส่วนหนึ่ง อาทิ ประธานศาลฎีกา  ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานรัฐสภา ผู้นำฝ่ายค้าน ผู้แทนจากที่ประชุมใหญ่ศาล ตัวแทนที่คัดเลือกมาจากองค์กรอิสระแต่ต้องไม่เคยเป็นกรรมการในองค์กรอิสระ
 
ส่วนของการพิจารณาวิธีการคำนวณ ส.ส.จำนวน 500 คนที่มาจากแบ่งเขต 350 คน และบัญชีรายชื่อ 150 คนนั้นมีข้อยุติลงตัวแล้ว คือใช้คะแนนทั้งหมดทั่วประเทศมาหาสัดส่วนของแต่ละพรรค หลังจากหักลบจำนวนที่นั่ง ส.ส.แบบแบ่งเขตของแต่ละพรรคแล้วก็จะให้เติมเต็มด้วย ส.ส. บัญชีรายชื่อแต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 150 คน หากเกิดกรณีโอเวอร์แฮงก็จะใช้การเทียบบัญญัติไตรยางค์ลดสัดส่วนลงจนเหลือเท่า 150 คน
 
โฆษก กรธ. กล่าวว่า ที่มาของวุฒิสภา (ส.ว.) มีข้อยุติว่าจะให้มี ส.ว.จำนวน 200 คน โดยไม่ใช้ระบบเลือกตั้งทางตรง และการสรรหา แต่จะให้มาจากการเลือกตั้งทางอ้อมของกลุ่มต่างๆ ที่กำลังคิดในรายละเอียดว่าจะมีกลุ่มอะไรบ้างที่ครอบคลุมประชาชนทั้งประเทศ เพราะหากใช้หลักเกณฑ์ของนิติบุคคลที่จดทะเบียนอย่างเดียวอาจไม่ครอบคลุมก็ได้ จึงต้องให้อนุกรรมการที่ศึกษาโครงฝ่ายนิไปจำแนกเรื่องกลุ่มให้ครอบคลุมมาที่สุดก่อน ซึ่งอาจมีกลุ่มสังคมกลุ่มเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ต้องจับไปรวมกันเป็นกลุ่มเดียวกัน ขณะที่บางกลุ่มจะเป็นกลุ่มใหญ่ เช่น กลุ่มเกษตรกร กลุ่มสิทธิสตรี กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อให้ทุกกลุ่มมีโอกาสมีบทบาทเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งทางอ้อมนี้
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท