Skip to main content
sharethis

ผู้ใช้เฟซบุ๊กร่วมติดแฮชแท็ก #ต่อต้านวีระธุโมเดล หลังพระมหาอภิชาตเสนอมาตรการตอบโต้ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ชี้อย่าให้คนๆ เดียว ทำลายความสัมพันธ์อันเกื้อกูลของ 2 ศาสนิก สุรพศ ชี้ข้อเสนอขัดหลักพุทธที่ว่า "เวรย่อมไม่ระงับด้วยการจองเวร"

31 ต.ค. 2558 จากรณีเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา พระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท หัวหน้าพระวิทยากรประจำพระอารามหลวง วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม โพสต์ภาพพร้อมข้อความในลักษณะสาธารณะผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘“พระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม” เพื่อเสนอแนะให้ชาวพุทธตอบโต้ต่อการกระทำในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยระบุว่าหมดเวลาแล้วที่ชาวพุทธจะใช้คำว่า "เมตตาปรานี" พร้อมเสนอว่า ถ้าพระใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ถูกระเบิดหรือถูกยิงตาย 1 รูป ต้องแลกกับการไปเผามัสยิดทิ้งไป 1 มัสยิด โดยเริ่มจากภาคเหนือลงมาเรื่อยๆ (อ่านรายละเอียด)

ต่อมาพระมหาอภิชาต ยังโพสต์ภาพและข้อความของพระวีระธุ หรือวิระทู ภิกขุ พระที่มีบทบาทสำคัญของพม่าซึ่งขึ้นหน้าปกนนิตยสารไทม์ ซึ่งปกดังกล่าวมีข้อความว่า "โฉมหน้าชาวพุทธผู้สร้างความหวาดกลัว" อย่างไรก็ตามพระมหาอภิชาตกล่าวเชิงสนับสนุนพระวิระทูว่า พระอาจารย์กล่าวได้ถูกต้องแล้ว "ใช้ชีวิตอยู่บนแผ่นดินของเรา แต่ไม่สำนึกในบุญคุณของเรา"

สร้างกระแสถกเถียงกันในโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่างเซบุ๊ก จนเมื่อวานนี้(30 ต.ค.58) ผู้ใช้เฟชบุ๊กชื่อ ‘Pabhassaro Bhiku’ ซึ่งคาดว่าเป็นพระเช่นกันโพสต์ภาพ ข้อความและติดแฮชแท็กด้วยว่า #ต่อต้านวีระธุโมเดล โดยเป็นภาพที่แสดงให้เห็นทั้ง 2 ศาสนิกชนมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน Pabhassaro ยังกล่าวด้วยว่า

 

จากนั้นมีผู้แชร์ภาพข้อความดังกล่าว รวมทั้งโพสต์แสดงความคิดเห็นพร้อมติด #ต่อต้านวีระธุโมเดล จำนวนมาก เช่น Jarannadda Charunrochana เป็นต้น

นอกจากนี้ในโพสต์ของพระมหาอภิชาติ เองก็มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นทั้งสนับสนุนและโต้แย้ง แม้โพสต์ดังกล่าวจะไม่เปิดให้คนที่ไม่เป็นเพื่อนแสดงความเห็นก็ตาม อย่างเช่น Noung Polsci แสดงคามเห็นแย้งพร้อมนำคำพูดของพระไพศาล วิสาโล มาแปะไว้ด้วย เป็นต้น

ภาพที่ Noung Polsci นำมาแสดงความเห็นแย้งในโพสต์ของพระมหาอภิชาติ 

สุรพศ ชี้ข้อเสนอขัดหลักพุทธที่ว่า "เวรย่อมไม่ระงับด้วยการจองเวร"

สุรพศ ทวีศักดิ์ นักวิชาการด้านศาสนา ได้แสดงความเห็นต่อประเด็นที่พระมหาอภิชาติเสนอด้วยว่า พระรูปนี้ชอบอ้างพระไตรปิฎกมาสนับสนุนความเห็น, จุดยืนของตัวเอง เช่นกรณีวัดกัลยาฯ กรณีคัดค้านภาพยนตร์ "อาบัติ" เป็นต้น แต่ข้อเสนอ(ตามข่าว)นี้ เป็นข้อเสนอที่ขัดแย้งหลักการสำคัญของพุทธศาสนาเองที่ถือว่า "เวรย่อมไม่ระงับด้วยการจองเวร"
การตอบโต้แบบที่พระรูปนี้เสนอ ไม่สามารถนำไปสู่ชัยชนะเด็ดขาดของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ และไม่อาจไปถึงจุดหมายคือ "สันติภาพ" ได้ มีแต่จะทำให้ปัญหาความรุนแรงบานปลาย ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ
 
สุรพศ กล่าวต่อว่า แน่นอน การไม่ตอบโต้ไม่ได้แปลว่า "ยอมจำนน" แต่ควรช่วยกันคิดหาทางอื่นๆ ที่เป็น "สันติวิธี" ในการแก้ปัญหาดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเจรจากันด้วยเหตุผลเพื่อหาข้อตกลงที่ "ยุติธรรม" แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง มันอาจยากและต้องใช้เวลา เส้นทางสันติวิธีแม้จะใช้เวลานาน เรายังสามารถมองเห็นจุดหมายคือสันติภาพรออยู่ข้างหน้า และทุกๆก้าวย่างของการเดินทางสู่จุดหมายที่ยากลำบาก เรายังสามารถปกป้อง "ความเป็นคน" ของตัวเองไว้ได้ ยังมีมโนธรรมสำนึกในความเป็นมนุษย์เหลืออยู่
 
"แต่ข้อเสนอของพระรูปนนี้ นอกจากเราจะไม่สามารถมองเห็นจุดหมายคือสันติภาพแล้ว ความขัดแย้ง ความรุนแรงจะบานปลาย และยาวไกล มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด ที่สำคัญไม่เพียงแต่การฆ่ากันและกันด้วย อคติทางศาสนา จะทำให้ผู้คนล้มตายกันมากขึ้น แม้แต่ ความเป็นคน ของคนที่มีชีวิตอยู่ที่สนับสนุนวิถีทางที่รุนแรงก็ไม่หลงเหลืออยู่เลย ศาสนาใดๆที่ไม่สามารถ สอบผ่านศีลธรรมขั้นต่ำสุดของโลกสมัยใหม่คือ หลักสิทธิมนุษยชน ย่อมเป็นศาสนาที่เป็นอุปสรรคต่อคุณค่าของมนุษย์และสันติภาพ" สุรพศ กล่าว

สำหรับ "พระวีระธุ" หรือ วิระทู นั้น เป็นผู้นำพระสงฆ์และชาวพุทธในพม่า ที่ตั้งกลุ่มก่อต้านชาวโรฮิงยา และชาวมุสลิมในพม่า จนเกิดเหตุจลาจลระหว่างชุมชน ที่รัฐอาระกันของพม่า และได้ลุกลามไปยังพื้นที่อื่นในพม่า

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net