เสวนา "เสรีกัญชา กับอนาคตประเทศไทย" ผู้พิพากษาศาลอุทรณ์แนะควรเปิดให้มีการทำประชาพิจารณ์ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมรถกเถียงด้วยเหตุผลและมีสิทธิ์ในการตัดสินใจว่าจะเปิดเสรีกัญชาหรือไม่ ด้านนักวิจัยยาเสพติดระบุอยากให้ใช้กัญชาเพื่อการแพทย์เท่านั้น พบข้อมูลการสูบกัญชาก่อให้เกิดโรคมะเร็ง อีกทั้งเยาวชนที่สูบกัญชาจะมีไอคิวต่ำ

 

ASTV ผู้จัดการออนไลน์รายงานว่าเมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2558 ที่ผ่านมา ที่ วิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดเสวนา "เสรีกัญชา กับอนาคตประเทศไทย" เพื่อเป็นหนทางสอบถามความคิดเห็นจากประชาชนและนำไปสู่การทำประชามติ หลังเกิดข้อถกเถียงว่าประเทศไทยพร้อมหรือไม่ กับการเปิดให้ใช้กัญชาได้อย่างเสรี

       

ผศ.อุษณีย์ พึ่งปาน หัวหน้าศูนย์วิจัยยาเสพติด จุฬาฯ กล่าวว่า ส่วนตัวอยากให้ใช้กัญชาเพื่อการแพทย์เท่านั้น เพราะมีประโยชน์ช่วยผ่อนคลายลดความเครียดและทำให้เจริญอาหาร บางข้อมูลระบุถึงการลดความเจ็บปวดของผู้ป่วยโรคมะเร็ง แต่ก็พบข้อมูลด้วยว่าการสูบกัญชา ก่อให้เกิดโรคมะเร็งเช่นเดียวกับการสูบบุหรี่ อีกทั้งเยาวชนที่สูบกัญชาจะมีไอคิวต่ำ อีกทั้งเป็นจุดเริ่มต้นสู่การติดสารเสพติดชนิดรุนแรง

       

ด้านนายบุญเขตร์ พุ่มทิพย์ ผู้พิพากษาศาลอุทรณ์ กล่าวว่า สังคมไทยมีความรู้ความเข้าใจเรื่องกัญชาและยาเสพติดประเภทอื่นๆ เพียงด้านที่ให้โทษเท่านั้น ส่วนตัวมองว่าประชาชนควรมีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลเรื่องกัญชาอย่างรอบด้าน ทั้งประโยชน์ทางการแพทย์ วิทยาศาสตร์ และทางสันทนาการ

       

รวมถึงควรเปิดให้มีการทำประชาพิจารณ์ เพื่อให้ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการถกเถียงกันด้วยเหตุผล และประชาชนควรมีสิทธิ์ในการตัดสินใจว่าจะเปิดเสรีกัญชาหรือไม่ โดยเชื่อว่าประชาชนมีวิจารณญานและสามารถรับผิดชอบการตัดสินใจได้ หากได้รับข้อมูลเพียงพอ

       

นอกจากนี้การเปิดเสรีกัญชายังช่วยให้รัฐลดงบประมาณในการป้องกันและปราบปราม โดยหากทำให้ถูกกฎหมายรัฐสามารถเก็บภาษีจากกัญชาได้ ทั้งนี้การเปิดเสรีกัญชาในหลายประเทศทำให้ผู้ค้าไม่กระจุกตัวอยู่แค่กลุ่มผลประโยชน์บางกลุ่ม แต่การค้าเป็นไปอย่างสุจริตและสร้างรายได้ให้แก่รัฐ

       

ขณะที่นายวิชัย มณฑาพงศ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) ระบุว่า การเปิดให้กัญชาเป็นสิ่งที่ถูกกฏหมาย นอกจากการพิจารณาในข้อดีและข้อเสียต่างๆ อย่างรอบด้านแล้ว จะต้องมองในมิติของความมั่นคงด้วย