Skip to main content
sharethis

รำลึกถึง 4 ผู้เสียชีวิต ชาวคลองไทรพัฒนา จ.สุราษฎ์ธานี กับการต่อสู้เพื่อที่ดินที่ทำกินที่ยังดำเนินต่อของ สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ การต่อสู้เพื่อชีวิตที่ดีกว่า ที่ถูกบังคับให้แลกด้วยชีวิต

อนุสรณ์สถานสีขาวฐานมั่นคงแข็งแรง ล้อมรอบไปด้วยดอกไม้สวยงาม โดดเด่นด้วยขดลวดสปริงที่หมุนยาวต้านแรงลม และยอดปลายประดับด้วยดาว 3 สี เป็นอนุสรณ์สถานที่ชาวบ้านในชุมชนคลองไทรพัฒนา ตำบลไทรทอง อ.ชัยบุรี จ.สุราษฏร์ธานี และสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ (สกต.) ได้ร่วมกับก่อสร้างขึ้นมาเพื่อรำลึกถึงการเสียชีวิตของเกษตรที่ร่วมต่อสู้เพื่อให้ได้สิทธิในที่ดินทำกินเป็นของตนเองในรูปแบบของโฉนดชุมชน โดยให้ชื่อของอนุสรณ์สถานที่จัดสร้างขึ้นในครั้งนี้ว่า “อนุสรณ์สถานนักต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชน”

การต่อสู้ของชาวบ้านชุมชนคลองไทรนั้นเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของการต่อสู้เพื่อให้ได้สิทธิในที่ดินทำกิน ที่ต้องถูกจารึกไว้  ทั้งนี้ชุมชนคลองไทรพัฒนาตั้งอยู่ในพื้นที่ของ สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม (ส.ป.ก.)  โดยชาวบ้านได้เริ่มเข้ามาอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551  ปัจจุบันชุมชนแห่งนี้มีเกษตรกรอาศัยอยู่ทั้งหมด 69 ครัวเรือน  ก่อนหน้าที่ชาวบ้านจะเข้ามาอยู่อาศัยบริษัทจิวกังจุ้ยพัฒนา จำกัด ได้เข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว ด้วยการยึดครองพื้นที่ป่าสงวน ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2528  ต่อมารัฐได้ประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมในปี 2537 แต่ สปก. ไม่สามารถนำพื้นที่ดังกล่าวนี้มาจัดสรรให้กับเกษตรกรได้ เนื่องจากบริษัทไม่ยอมย้ายออกจากพื้นที่ จนสปก. ได้เป็นโจทย์ฟ้องบริษัท ให้ออกจากพื้นที่ และชนะคดี โดยคดีสิ้นสุดแล้ว เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2557ที่ผ่านมา  โดยศาลได้มีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรให้บริษัทออกจากพื้นที่ของ สปก. แต่ปัจจุบันก็ยังไม่การบังคับคดีให้บริษัทออกไป และสปก.เองก็ยังไม่ได้ทำการจัดสรรที่ดินดังกล่าวให้กับเกษตรกรทั้งที่ตนเองมีอำนาจในการดำเนินการได้

การบรรยายเป็นตัวอักษรทำให้เราเห็นภาพการต่อสู้ของชาวบ้านในลักษณะย่นย่อ หากแต่ความเป็นจริงในระหว่างทางของการต่อสู้นั้นชาวบ้านทุกคนได้ลุกขึ้นมาปกป้องผืนแผ่นดินทำกินของตนเอง และเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยรวบรวมพยานหลักฐานการบุกรุกพื้นที่ป่าของบริษัทเอกชนจน สปก.สามารถมีหลักฐานจำนวนมากในการฟ้องร้องให้ที่ดินที่ถูกบุกรุกกลับมาเป็นของรัฐได้ โดยในระหว่างการต่อสู้นั้นได้มีชาวบ้านจำนวนมากที่ถูกข่มขู่คุกคามจากนายทุน ทั้งโดนเผาไล่ที่  โดนลอบทำร้าย  จนมาสู่จุดที่เลวร้ายที่สุดคือการลอบสังหารชาวบ้านที่ร่วมต่อสู้ในครั้งนี้ 

อุสาห์  สุวรรณพัฒน์  หรือป้าสา

“สิ่งที่กลัวที่สุดในชีวิตเกิดขึ้นแล้ว การสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตก็ผ่านมาแล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ของป้าไม่มีอะไรต้องกลัว อีกแล้ว ป้าจะสู้จนลมหายใจสุดท้าย สู้จนกว่าจะได้สิทธิในที่ดินทำกินไว้ให้ลูกหลานตามความตั้งใจของลุงเขา”  อุสาห์  สุวรรณพัฒน์  หรือป้าสา หญิงชราอายุ 56 ปีระบายความรู้สึกด้วยน้ำตานองหน้าถึงการสูญเสียสามีอันเป็นที่รัก ลุงใช่ บุญทองเล็ก สามีของป้าสาเสียชีวิตจากการถูกลอบยิงในชุมชนคลองไทรพัฒนา ตำบลไทรทอง อ.ชัยบุรี   จ.สุราษฏร์ธานีเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2558 ที่ผ่านมา  

ครอบครัวของ คุณปราณี บุญรักษ์

ไม่เฉพาะลุงใช่เท่านั้น ที่แห่งนี้ยังมีเกษตรกรอีกจำนวนมากที่ต้องสังเวยชีวิตจากการต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิในที่ดินทำกิน ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้หญิง 

“แม่เป็นแค่คนแก่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ภาพที่เราจำแม่ได้ คือภาพของแม่ที่ใช้สองมือแผ้วทางที่ดินแปลงเล็กๆ เพื่อปลูกพืชผักให้เราได้อยู่ได้กิน หากผักเหลือจากกินแม่ก็จะเก็บไปขาย แม่บอกเราเสมอว่าเราจะต้องมีที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง เราจะได้ไม่ต้องลำบากไม่ต้องไปเช่าบ้านเช่าที่ใครเขาอยู่อีกแล้ว ที่เล็กๆแห่งนี้จะสร้างชีวิตใหม่ให้กับพวกเรา แต่ไม่นานแม่ก็ถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม ความผิดของแม่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ต้องการที่ดินทำกินเป็นของตนเอง  ถึงกับต้องประหัตประหารกันด้วยชีวิตเลยเหรอ”  น.ส.เบญจวรรณ บุญรักษ์ บุตรสาวของปราณี บุญรักษ์  บอกเล่าถึงความโหดร้ายที่เกิดขึ้นกับมารดาของเธอให้เราฟังด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ปราณี อายุ 55 ปี ถูกลอบสังหารพร้อมกับนาง มณฑา ชูแก้ว อายุ 50 ปี ที่ป่าปาล์มในพื้นที่พิพาท โดยหญิงชราทั้งสองถูกลอบยิงในระยะเผาขนจนเสียชีวิตคาที่ในวันที่ 19 พ.ย. 2555ที่ผ่านมา  

นอกจากชาวบ้านทั้งสามจะต้องมาจบชีวิตจากการต่อสู้เพื่อให้ได้ที่ดินกินเป็นของตนเองแล้ว สมพร พัฒภูมิ ก็เป็นชาวบ้านอีกหนึ่งคนที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับการต่อสู้ในครั้งนี้

จุดที่คุณสมพร เสียชีวิต

“บ้านของลุงสมพรแกอยู่ท้ายหมู่บ้านเลย วันนั้นแกกำลังถางหญ้าอยู่ตรงสระที่แกขุดพอดี อยู่ดีๆ ก็มีคนเข้ามายิงแก แกไม่ได้มีพิษมีภัยกับใครเลย เป็นแค่คนแก่ตัวเล็กๆ เท่านั้นเอง  ตอนที่แกโดนยิงแกยังไม่ตายทันที แกวิ่งออกมาร้องให้คนช่วยแล้วก็มาตายอยู่ตรงนี้” ประทีป ระฆังทอง แกนนำชาวบ้านชุมชนคลองไทรชี้ให้เราดูถึงสถานที่เกิดเหตุที่มีชายฉกรรจ์เข้ามาสังหารลุงสมพร พร้อมทั้งระบุถึงสาเหตุหลักในการสังหารชาวบ้านทั้ง 4 คนให้เราฟังว่า

“ทุกคนที่เสียชีวิตไปนั้นล้วนแล้วแต่เป็นผู้เสียสละ เพราะทุกคนได้ต่อสู้เพื่อให้ไดมาซึ่งสิทธิทำกินของตนเองจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต พวกเราไม่มีเรื่องบาดหมางกับใครเลย นอกจากเรื่องการต่อสู้เรื่องที่ดินทำกินเท่านั้นที่ 4 คนนี้ต่อสู้อย่างเข้มแข็ง” แกนนำชาวบ้านชุมชนคลองไทรกล่าว

อย่างไรก็ตามการต่อสู้เพื่อสิทธิในที่ดินกินของชาวบ้านที่นี่ดูเหมือนจะยังมีปัญหาเพิ่มขึ้นมาอีกเรื่อยๆ เพราะนอกจาก สปก.จะไม่จัดสรรที่ดินทำกินให้กับเกษตรกรแล้ว  เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมา ส.ป.ก.ได้ส่งหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยระบุให้เร่งดำเนินการบังคับคดีกับบริษัท จิวกังจุ้ยพัฒนา และบริวาร พร้อมด้วยสมาชิกชุมชนคลองไทรพัฒนา เนื่องจากเป็นผู้บุกรุกเพราะเป็นบริวารของบฺริษัท โดยระบุความจำเป็นว่า ต้องการจัดการพื้นที่อย่างเป็นธรรมเพื่อเกษตรกรรายอื่นๆ ด้วย และหากคำสั่งนี้ได้รับการยินยอมจากผู้ว่า ชาวบ้านทั้ง 69 ครัวเรือนจะต้องถูกขับไล่ออกจากพื้นที่ทันที

ประทีป ระฆังทอง

ประทีป ระฆังทอง แกนนำชาวบ้านชุมชนคลองไทร ระบายความรู้สึกพร้อมทั้งเสนอข้อเรียกร้องไปยัง สปก. และผู้ว่าจังหวัดสุราษฎร์ธานีว่า “ผมไม่เข้าใจว่าทำไม สปก.ถึงต้องขับไล่ชาวบ้านออกนอกพื้นที่ด้วย เพราะคนที่บุกรุกพื้นที่ป่านั้นคือบริษัทเอกชน สปก. จะใช้เหตุผลว่าเราเป็นบริวารของบริษัทเอกชน ซึ่งสปก.จะใช้เหตุผลนั้นไม่ได้  เพราะพวกเราอยู่ที่นี่ในฐานะเกษตรกร ที่ต้องการที่ดินทำกินเพื่อความมั่นคงทางด้านอาหารไม่ใช่ถือครองที่ดินเพื่อนำไปเป็นสินค้า เรามีการจัดสรรที่ดินทำกินที่เป็นระบบที่ใช้ประโยชน์ในรูปแบบโฉนดชุมชนไม่ใช่การเป็นเจ้าของแบบปัจเจก

พวกเราชาวบ้านตัวเล็กๆ ต้องการสิทธิในที่ดินทำกินเพียงแค่ไม่กี่ไร่ และเรายังดูแลจัดสรรพื้นที่นี้เป็นอย่างดี เราทำเการเกษตรกรรมที่ยั่งยืนบนที่ดินแห่งนี้  เรามีแปลงเกษตรกรรม แปลงปลูกธัญพืชและพืชหมุนเวียนตามแบบแนวทางเกษตรอินทรีย์  เราจัดสรรพื้นที่สาธารณะประโยชน์ พื้นที่ปลูกป่า พื้นที่ทำปศุสัตว์ พื้นที่สร้างที่อยู่อาศัยที่แต่ละครอบครัวใช้พื้นที่ไม่มาก และที่สำคัญที่สุดคือเราได้รับการผ่อนผันจากคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย  ให้ทำกินในที่ดินดังกล่าวได้ จึงอยากวิงวอนให้ สปก. ยกเลิกคำสั่งขับไล่ชาวบ้านออกนอกพื้นที่ และเร่งจัดสรรที่ดินทำกินให้กับชาวบ้านเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในเรื่องการจัดสรรในที่ดินทำกิน และสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นกับชาวบ้านอย่างแท้จริงด้วย” แกนนำชาวบ้านชุมชนคลองไทรกล่าว

เรื่องเล่าของชาวบ้านชุมชนคลองไทร อาจทำให้ผู้อ่านได้รับรู้ว่ายังมีชาวบ้านกลุ่มเล็กๆ ที่หยัดยืนสู้เพื่อให้ได้สิทธิในที่ดินทำกินเป็นของตนเอง หากแต่เรื่องราวในความเป็นจริงกับเป็นความเจ็บปวดที่ชาวบ้านต้องแลกมาด้วยเลือดเนื้อและชีวิต โดยเฉพาะวันที่ 5 ต.ค. นี้ถูกกำหนดให้เป็นวันที่อยู่อาศัยโลก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องตระหนักให้ความสำคัญเร่งดำเนินการจัดสรรที่ดินทำกินให้กับเกษตรอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อความเป็นธรรมในการเข้าถึงสิทธิในที่ทำกินที่อยู่อาศัยแลเพื่อลดความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นกับชาวบ้านอีกต่อไปในวันข้างหน้า

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net